00 แม้จะยกคำสวยหรูเรื่องเกียรติยศ ศักดิ์ศรีในตำแหน่งประธานสภาผู้แทนป้องกันไม่ให้มาแปดเปื้อนขณะที่ตัวเองต้องสู้คดีทุจริตเลือกตั้งในศาลมาเป็นเหตุผลหลักสำหรับการลาออกจากตำแหน่งของ “ทั่นยุทธ ตู้เย็น” หลายคนอาจฟังดูแล้วชวนเคลิบเคลิ้มคล้อยตาม ว่านี่คือ สปิริตน่าชื่นชมโดยแท้ หาได้ยากสำหรับนักการเมืองยุคนี้
00 แต่เดี๋ยวก่อนครับพี่น้อง ยังมีคนอีกไม่น้อยที่อ่านเกมอีกแบบว่านี่คือรายการ “หัวหมอ” แบบ “เหลี่ยมกินรวบ” อย่างร้ายกาจ เพราะใครๆก็รู้ว่าตามกฎหมายกำหนดเอาไว้ว่าคนที่เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องเป็นประธานรัฐสภาด้วย และที่ผ่านมา ยุทธ ต้องพักการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหลังจากที่ศาลฎีกาฯรับฟ้องในคดีทุจริตเลือกตั้งที่เชียงราย กรณีกกต.ให้ใบแดง
00 ขณะเดียวกันถ้าใครที่ติดตามการเมืองอย่างรู้ทันก็ย่อมรู้ดีว่าการหยุดพักการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งประธานรัฐสภาทำให้ “พลังแม้ว” เสียโอกาสใหญ่หลวง ที่เห็นชัดๆก็เห็นจะเป็นช่วงการสรรหาตุลาการรัฐธรรมนูญที่แม้ว่าตามรัฐธรรมนูญใหม่จะให้โควตาเฉพาะประธานสภาผู้แทนกับผู้นำฝ่ายค้านเท่านั้นที่เป็นตัวแทนฝ่ายการเมือง โดยตัดตัวแทนจากพรรคการเมืองออกไปจนไม่สามารถบงการชี้นำการสรรหาได้มากนักก็ตาม
00 แต่อย่างน้อยถ้าเข้าไปทำหน้าที่อย่างน้อยก็คงไปขัดคอกลางวงได้บ้างแหละน่า โดยเฉพาะตุลาการรัฐธรรมนูญในสัดส่วนสายนิติศาตร์กับสายรัฐศาสตร์ที่มีรายชื่อออกมาทั้ง 4 คน ดูแล้ว “นายใหญ่” คงไม่ปลื้มเท่าไหร่ สาเหตุสำคัญก็ไม่มีอะไรมาก แค่สั่งซ้ายหันขวาหันไม่ได้แค่นั้นแหละ
00 แต่ถึงอย่างไรเมื่อเรื่องผ่านไปแล้วก็ต้องกัดฟันยอมให้ผ่านไป แต่วาระสำคัญที่กำลังจะมาถึงคือเกมแก้รัฐธรรมนูญนี่ซิ ยอมไม่ได้เด็ดขาด เพราะมันชี้เป็นชี้ตายส่วนตัวของคนบางคนบางครอบครัว จะมานั่งตาปริบๆปล่อยให้ “คนนอก” มานั่งคุมเกมในสภาไม่ได้เด็ดขาด
00 รู้กันอยู่แล้วว่าเวลานี้คนที่ทำหน้าที่ประธานรัฐสภามีเพียงหนึ่งเดียวคือ “ประสบสุข บุญเดช” ประธานวุฒิสภา ที่ตรงเหมือน “ตาชั่ง” เสียอีก ทุกอย่างที่เคยวางแผนกันมามันก็ทำท่ารวน ต้องรีบตัดเกมเสียแต่ต้นมือ อย่างน้อยต้องเร่งทำให้สำเร็จเสร็จสิ้นก่อนที่จะมีการเสนอญัตติแก้ไขรัฐสภาวาระแรกนั่นแหละ ส่วนจะเป็นไปได้แค่ไหน อีกเรื่องหนึ่ง
00 ดังนั้นถ้าพิจารณาจากรูปการณ์ตามนี้แล้ว ทุกอย่างน่าจะเป็นเกม แต่ไม่วายถูกค่อนขอดว่าเป็นเกมตื้นๆเสียด้วย ข้ออ้างเรื่องสปิริตอะไรนั่น ไม่รู้จะมีใครเชื่อสักกี่คน
00 ยังเป็นเรื่องของยุทธ อีกนั่นแหละ ที่ต่อเนื่องมาจากเรื่องการลาออก เพราะถือว่าเป็นเรื่องไม่บังควรอย่างยิ่งกับการที่ “พรรคพลังประชาชน” จะเสนอชื่อเขาเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรทั้งๆที่รู้ว่ากำลังมีคดีติดตัวกำลังถูก กกต.สอบสวนเรื่องทุจริตการเลือกตั้ง แต่ยังดันทุรัง ในที่สุดเมื่อมีการชี้ “ใบแดง” ออกมาจนต้องลาออก แล้วมีการเลือกตั้งประธานคนใหม่ ซึ่งต้องนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯใหม่อีก ลองตรองดูแล้วกันว่าบังควรหรือไม่
00 เรื่องทำนองนี้ยังอาจจะเกิดขึ้นกับ “ลุงหมัก” อีกก็เป็นได้ รายนี้ก็มีคดีติดตัวนุงนังไปหมด และศาลอุทธรณ์ ฎีกากำลังจะตัดสินชี้ขาด ถ้ายืนตามศาลชั้นต้นก็ยุ่งแน่ ถึงว่ารู้ทั้งรู้แต่ ก็ยังทำหูทวนลม แหม มันน่าจริงๆ
00 แต่เดี๋ยวก่อนครับพี่น้อง ยังมีคนอีกไม่น้อยที่อ่านเกมอีกแบบว่านี่คือรายการ “หัวหมอ” แบบ “เหลี่ยมกินรวบ” อย่างร้ายกาจ เพราะใครๆก็รู้ว่าตามกฎหมายกำหนดเอาไว้ว่าคนที่เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรต้องเป็นประธานรัฐสภาด้วย และที่ผ่านมา ยุทธ ต้องพักการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหลังจากที่ศาลฎีกาฯรับฟ้องในคดีทุจริตเลือกตั้งที่เชียงราย กรณีกกต.ให้ใบแดง
00 ขณะเดียวกันถ้าใครที่ติดตามการเมืองอย่างรู้ทันก็ย่อมรู้ดีว่าการหยุดพักการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งประธานรัฐสภาทำให้ “พลังแม้ว” เสียโอกาสใหญ่หลวง ที่เห็นชัดๆก็เห็นจะเป็นช่วงการสรรหาตุลาการรัฐธรรมนูญที่แม้ว่าตามรัฐธรรมนูญใหม่จะให้โควตาเฉพาะประธานสภาผู้แทนกับผู้นำฝ่ายค้านเท่านั้นที่เป็นตัวแทนฝ่ายการเมือง โดยตัดตัวแทนจากพรรคการเมืองออกไปจนไม่สามารถบงการชี้นำการสรรหาได้มากนักก็ตาม
00 แต่อย่างน้อยถ้าเข้าไปทำหน้าที่อย่างน้อยก็คงไปขัดคอกลางวงได้บ้างแหละน่า โดยเฉพาะตุลาการรัฐธรรมนูญในสัดส่วนสายนิติศาตร์กับสายรัฐศาสตร์ที่มีรายชื่อออกมาทั้ง 4 คน ดูแล้ว “นายใหญ่” คงไม่ปลื้มเท่าไหร่ สาเหตุสำคัญก็ไม่มีอะไรมาก แค่สั่งซ้ายหันขวาหันไม่ได้แค่นั้นแหละ
00 แต่ถึงอย่างไรเมื่อเรื่องผ่านไปแล้วก็ต้องกัดฟันยอมให้ผ่านไป แต่วาระสำคัญที่กำลังจะมาถึงคือเกมแก้รัฐธรรมนูญนี่ซิ ยอมไม่ได้เด็ดขาด เพราะมันชี้เป็นชี้ตายส่วนตัวของคนบางคนบางครอบครัว จะมานั่งตาปริบๆปล่อยให้ “คนนอก” มานั่งคุมเกมในสภาไม่ได้เด็ดขาด
00 รู้กันอยู่แล้วว่าเวลานี้คนที่ทำหน้าที่ประธานรัฐสภามีเพียงหนึ่งเดียวคือ “ประสบสุข บุญเดช” ประธานวุฒิสภา ที่ตรงเหมือน “ตาชั่ง” เสียอีก ทุกอย่างที่เคยวางแผนกันมามันก็ทำท่ารวน ต้องรีบตัดเกมเสียแต่ต้นมือ อย่างน้อยต้องเร่งทำให้สำเร็จเสร็จสิ้นก่อนที่จะมีการเสนอญัตติแก้ไขรัฐสภาวาระแรกนั่นแหละ ส่วนจะเป็นไปได้แค่ไหน อีกเรื่องหนึ่ง
00 ดังนั้นถ้าพิจารณาจากรูปการณ์ตามนี้แล้ว ทุกอย่างน่าจะเป็นเกม แต่ไม่วายถูกค่อนขอดว่าเป็นเกมตื้นๆเสียด้วย ข้ออ้างเรื่องสปิริตอะไรนั่น ไม่รู้จะมีใครเชื่อสักกี่คน
00 ยังเป็นเรื่องของยุทธ อีกนั่นแหละ ที่ต่อเนื่องมาจากเรื่องการลาออก เพราะถือว่าเป็นเรื่องไม่บังควรอย่างยิ่งกับการที่ “พรรคพลังประชาชน” จะเสนอชื่อเขาเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรทั้งๆที่รู้ว่ากำลังมีคดีติดตัวกำลังถูก กกต.สอบสวนเรื่องทุจริตการเลือกตั้ง แต่ยังดันทุรัง ในที่สุดเมื่อมีการชี้ “ใบแดง” ออกมาจนต้องลาออก แล้วมีการเลือกตั้งประธานคนใหม่ ซึ่งต้องนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯใหม่อีก ลองตรองดูแล้วกันว่าบังควรหรือไม่
00 เรื่องทำนองนี้ยังอาจจะเกิดขึ้นกับ “ลุงหมัก” อีกก็เป็นได้ รายนี้ก็มีคดีติดตัวนุงนังไปหมด และศาลอุทธรณ์ ฎีกากำลังจะตัดสินชี้ขาด ถ้ายืนตามศาลชั้นต้นก็ยุ่งแน่ ถึงว่ารู้ทั้งรู้แต่ ก็ยังทำหูทวนลม แหม มันน่าจริงๆ