xs
xsm
sm
md
lg

ตามรอยไซอิ๋วสู่ยูเรเชีย จากคาซัคสถานถึงจอร์เจีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คาซัคสถานและจอร์เจียเป็นเป้าหมายใหม่ของนักท่องเที่ยวจากมาตรการฟรีวีซ่า ดินแดนที่เชื่อมต่อระหว่างเอเชียกับยุโรปที่เคยอยู่ใน “เส้นทางสายไหม” มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับนโยบาย BRI ของประเทศจีน

Peng ผู้สื่อข่าวจาก China Daily ได้เดินทางไปยังคาซัคสถานและจอร์เจีย เพื่อสำรวจ “เส้นทางสายไหม” ในช่วงเวลาครบรอบ 10 ปีของโครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” หรือ BRI



คาซัคสถานเป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศอดีตสหภาพโซเวียต รองจากรัสเซีย ผู้คนจากต่างถิ่นไม่คุ้นเคยกับดินแดนในแถบนี้ แต่ที่นี่คือเส้นทางอารยธรรมที่เก่าแก่หลายพันปี ทั้งในนิยายเรื่อง “ไซอิ๋ว” ที่อ้างอิงเรื่องจริงของพระถังซัมจั๋งที่เดินทางผ่านเส้นทางนี้ไปชมพูทวีป เส้นทางสายไหมที่เชื่อมยุโรปกับประเทศจีนยังเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญจนมีร่องรอยของ “ประตูจีน” หรือ Chinese Gate หลงเหลืออยู่ในคาซัคสถาน


นักโบราณคดีชาวคาซัคสถานสันนิษฐานว่า พระถังซัมจั๋งมาที่นี่ในราวคริสต์ศตวรรษที่ 5-6 เพราะได้ค้นพบภาพวาดฝาผนังที่เกี่ยวกับจีนจำนวนมาก ที่ชี้ว่ากษัตริย์ซามาร์กันต์ (Samarkand) ได้ติดต่อสัมพันธ์กับประเทศจีน จนกระทั่งกว่า 2,000 ปีต่อมานโยบาย “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” หรือ BRI ได้ทำให้เส้นทางการค้าและอารยธรรมคึกคักขึ้นอีกครั้ง

คาซัคสถานมีวัฒนธรรมและอาหารการกินที่คล้ายกับประเทศอื่นๆ ในเอเชียกลาง แต่ว่าก็มีเอกลักษณ์ของตัวเอง ทับทิมที่นี่ผลใหญ่และหวานมากจนชาวบ้านคั้นเป็นน้ำทับทิมขายกันทั่วไป และยังทำเป็นไวน์ทับทิมด้วย

ชาวคาซัคและอุชเบคนิยมกินข้าวหมกที่เรียกว่า “พีลาพ” (Palov Osh) ชื่ออาหารชนิดนี้บ่งบอกถึงส่วนประกอบสำคัญ คือ หัวหอม แครอท น้ำ ข้าว อาหารนี้มีความเป็นมายาวนานกว่า 1,000 ปี และเป็นประจักษ์พยานสำคัญของความสัมพันธ์ที่ทำให้ผู้คนในดินแดนนี้กินข้าวเหมือนคนเอเชีย


Bibi Hanim เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียกลาง เชื่อกันว่ากษัตริย์ Tamerlane บัญชาให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นของขวัญที่ตั้งชื่อตามพระมเหสีของพระองค์ โดยเริ่มก่อสร้างในปี 1399 และใช้เวลาก่อสร้างเพียงแค่ 5 ปี ซึ่งรวดเร็วมากสำหรับสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้

เส้นทางสายไหมไม่เพียงเป็นเส้นทางอารยธรรมและการค้า แต่ยังเป็น “วิถี” ที่เชื่อมโยงความฝันและแรงบันดาลใจของผู้คนผ่านการเดินทาง





Ali & Nino ตำนานรักแห่งจอร์เจีย

จอร์เจียอยู่ในทวีปเอเชียฝั่งตะวันตก ใกล้กับทวีปยุโรป ติดกับรัสเซียและตุรกี มีธรรมชาติอันงดงามและวัฒนธรรม ภูมิประเทศส่วนใหญ่ตั้งอยู่บนเทือกเขาคอเคซัส ซึ่งเป็นเทือกเขาที่มีความงามระดับโลก

ชาวจอร์เจียชอบดื่มชามานานแล้ว แต่ไม่สามารถปลูกชาได้สำเร็จ ผู้ปกครองชาวโซเวียตจึงได้เชิญชาวจีนมาแนะนำวิธีการปลูกชา จนเป็นประจักษ์พยานความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศที่เนิ่นนานหลายร้อยปี

ทุกวันนี้ ชาวจอร์เจียปลูกชาของตัวเอง โดยชาวจอร์เจียจะดื่มชาที่เข้มข้นมาก ใส่ใบชาจำนวนมาก หลายคนนิยมใส่น้ำตาล หรือเติมเหล้าบรั่นดีลงไปในน้ำชา


ที่เมืองบาทูมี (Batumi) ริมทะเลดำ มีอนุสรณ์ความรักของ “นิโน” สาวชาวจอร์เจียที่เป็นคริสเตียน และ “อาลี” คู่รักหนุ่มชาวอาเซอร์ไบจานที่เป็นชาวมุสลิม อนุสรณ์ความรักทำขึ้นเป็นรูปร่างของทั้งคู่ที่เคลื่อนเข้าหากันและเคลื่อนออกจากกัน สะท้อนถึงความรักของอาลีและนิโน และความท้าทายที่ทั้งคู่ได้เผชิญจากความแตกต่างทางเชื้อชาติและศาสนา เป็นสัญลักษณ์ของความรักที่ไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นได้


จอร์เจียมีส่วนสำคัญมากในเส้นทางสายไหมที่เชื่อมโยงจีนเข้าสู่เอเชียกลาง ไปยังยุโรป โดยแวดล้อมด้วยประเทศที่อยู่รอบทะเลดำ เช่น รัสเซีย ตุรกี โรมาเนีย บัลแกเรีย แต่ด้วยภูมิประเทศที่อยู่บนเทือกเขา ทำให้เส้นทางคมนาคมยากลำบาก เพราะต้องขุดอุโมงค์จำนวนมากเพื่อผ่านภูเขา นอกจากนี้ การก่อสร้างยังมีอุปสรรคจากฤดูหนาวที่ยาวนาน มีหิมะตกหนัก รวมทั้งหิมะถล่มเป็นประจำทำให้มีเวลาทำงานเพียงแค่ไม่กี่เดือนในหนึ่งปี โดยบริษัทของจีนได้รับงานก่อสร้างเส้นทางสายใหม่ที่จะเชื่อมประเทศต่างๆ รอบเทือกเขาคอเคซัสเข้าด้วยกัน

ภารกิจที่ท้าทายนี้คงไม่ต่างจากการปีนภูเขาคัชแบ็ก Kazbek ในจอร์เจียที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,170 เมตร ก้าวเดินขึ้นสู่ทิวทัศน์ของยอดเขาสูงเป็นความท้าทายสู่ความงดงาม ที่ไม่ต่างจากเส้นทางความรักที่นิโนและอาลีได้ผ่านพบ และรอยเท้าของผู้คนในอดีตที่บุกบั่นผ่านเส้นทางสายไหมเมื่อหลายพันปีก่อน.

ฟรีวีซ่า! นักท่องเที่ยวคนไทยเดินไปคาซัคสถานได้นาน 30 วัน และไปจอร์เจียได้นาน 365 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่า



กำลังโหลดความคิดเห็น