โฆษกรัฐบาล เผยผลงานนายกฯ ขับเคลื่อนนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุกต่อเนื่อง ต่อยอดผลสำเร็จ FTA ไทย-ศรีลังกาเพิ่มโอกาสส่งออกสินค้าไทยสู่ตลาดใหม่เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา รวมทั้งเดินหน้าดึงดูดรายได้เข้าประเทศ ขยายอายุ Visa Free แก่คาซัคสถานอีก 6 เดือน เพิ่มนักท่องเที่ยว เพิ่มรายได้
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุกกับตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง จนนำไปสู่ผลสำเร็จจากการลงนามความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ศรีลังกา เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2567 ระหว่างการเยือนศรีลังการของนายกรัฐมนตรี นับเป็น FTA ฉบับที่ 15 ของไทย ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้การนำเข้า-ส่งออกสินค้าระหว่างกัน ยกระดับการค้าการลงทุน ส่งผลให้ประเทศไทยได้สิทธิลด และยกเว้นภาษีในการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยไปยังศรีลังกา สามารถสร้างข้อได้เปรียบทางด้านภาษีเมื่อเทียบกับคู่แข่งทางการค้าอื่น ๆ
สำหรับสินค้าส่งออกจากไทยไปศรีลังกาที่สำคัญ ได้แก่ ปลามีชีวิต ปลาทะเลแห้ง เครื่องปรุง กุ้งมีชีวิต กุ้งสดหรือแช่เย็น เมล็ดพืชผักสำหรับเพาะปลูก อาหารสัตว์และของปรุงแต่งที่ใช้ในการเลี้ยงสัตว์ และอาหารปรุงแต่งที่ทำจากธัญพืช ซึ่งในการเจรจาทางการค้ากับศรีลังกาครั้งนี้ ถือเป็นการเสริมสร้างพันธมิตรทางการค้าแห่งใหม่สำหรับสินค้าเกษตรของไทย รวมถึงเป็น โอกาสในการขยายการค้าและการลงทุนของไทยไปยังตลาดการค้าอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า นโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุกรวมถึงส่งเสริมดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาท่องเที่ยวในไทย เพื่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ตามแนวนโยบายส่งเสริมการลงทุน และการยกเว้นการตรวจลงตราในหนังสือเดินทาง (Visa Free) ซึ่งผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้ขยายเวลาการยกเว้นตรวจลงตราหนังสือเดินทางคาซัคสถาน สำหรับการท่องเที่ยว ต่อไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่ วันที่ 1 มีนาคม – 31 สิงหาคม 2567 เพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง พร้อมทั้งได้จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวและวัฒนธรรมไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อเผยแพร่ศิลปะและวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่รู้จัก โดยจากการดำเนินมาตรการนี้ คาดการณ์ว่า จะมีชาวคาซัคสถานเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากกว่า 2 แสนคน ภายในปีนี้
“นายกรัฐมนตรีมอบหมายนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุกให้ทีมประเทศไทยในการทำงาน พร้อมดำเนินมาตรการเชิงรุก รักษาและขยายตลาดเดิม พร้อมทั้งเปิดตลาดแห่งใหม่ ส่งเสริมผู้ประกอบการชาวไทยในการค้าขายกับต่างประเทศ รวมถึงอำนวยความสะดวกให้ต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยว ใช้จ่าย สร้างเงินหมุนเวียนในระบบ ซึ่งจะต่อยอดการกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ ให้ประชาชนไทยในทุกพื้นที่มีรายได้ และวิถีชีวิตที่ดีขึ้น” นายชัย กล่าว