โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล
ในบทความนี้ผู้เขียนอยากจะมาบอกเล่าถึงความกดดันในสังคม และชีวิตของหนุ่มสาววัยทำงานในสังคมจีนยุคใหม่ สิ่งเหล่านี้สามารถเป็นกระจกสะท้อนสภาพสังคมปัจจุบัน และแนวคิด หลักการใช้ชีวิตของคนจีนรุ่นใหม่ๆ ได้ดีทีเดียว คนรุ่นใหม่ก็คือคนที่เป็นความหวังของชาติ ดังนั้น หากว่าเราอยากจะทราบถึงอนาคตสังคมจีนจะมีแนวโน้มการเติบโตไปในแนวทางไหน ผู้เขียนมองว่าการให้ความสำคัญกับแนวคิด มุมมองต่อสังคม เศรษฐกิจของคนจีนรุ่นใหม่เป็นเรื่องสำคัญ
ความกดดันในสังคม หรือ “Social stress” มีอยู่ทุกสังคมประเทศ ประเทศจีนเองก็เช่นกัน ผู้เขียนมองว่าคนจีนรุ่นใหม่มีความกดดันในชีวิตสูงกว่าคนจีนรุ่นพ่อแม่ ปู่ย่าตายายมาก เพราะแข่งกันตั้งแต่เข้าโรงเรียน ไปจนถึงการทำงาน ฐานะทางสังคม ซื้อบ้านซื้อรถ งานที่ทำมั่นคงเงินเยอะ เป็นต้น
ในจีนมีรายงานหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับความกดดันในชีวิตของวัยรุ่นชาวจีน มีชื่อว่า รายงานผลสำรวจภาวะจิตใจและการแข่งขันของคนรุ่นใหม่จีนประจำปี 2023 คนหนุ่มสาวจีนมากกว่า 80% ที่ตอบแบบสำรวจบอกว่าพวกเขา "มีบ่อยครั้ง" หรือ "มีบางครั้ง" รู้สึกถึงความกดดันอย่างมากในการแข่งขันในสังคม เช่น การสอบเข้ารับราชการ การสอบเข้าปริญญาตรี โท เอก การสมัครงาน เพราะการแข่งขันในแต่ละด้านนั้นสูงมากๆ บางตัวอย่างที่ให้สัมภาษณ์เชื่อว่าการเข้าร่วมการแข่งขันทางสังคมมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิด "ผลร้ายมากกว่าผลดี" แต่ส่วนใหญ่ยังคงเชื่อว่าการทำงานหนักและขยันเรียนสามารถเปลี่ยนโชคชะตาของพวกเขาได้ กลุ่มตัวอย่างมากกว่า 60% มองว่าตัวเองต้องแข่งขันเหมือน "หนูถีบจักร" วิ่งในวงล้อและหยุดไม่ได้เลย
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เคยเน้นย้ำในการสนทนาร่วมกับสมาชิกของคณะกรรมการกลางสันนิบาตเยาวชนคอมมิวนิสต์ โดยกล่าวว่า "ความหวังของพรรคและเป้าหมายของประเทศนี้ขึ้นอยู่กับคนหนุ่มสาว"
ข้อมูลการสำรวจสำมะโนประชากรระดับชาติครั้งที่ 7 ในปี 2020 แสดงให้เห็นว่า ประชากรคนรุ่นใหม่จีนอายุ 14-35 ปี มีประมาณ 400 ล้านคน คิดเป็น 28.4% ของประชากรทั้งหมดของประเทศ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เคยเน้นย้ำอีกว่า "คุณค่าของคนรุ่นใหม่ในวันนี้ เป็นตัวกำหนดสังคมในอนาคต" รัฐบาลจีนมีการวางอุดมการณ์ การวางแนวคิด ปลูกฝังทัศนคติเชิงบวกทางสังคมให้คนรุ่นใหม่ หน่วยงานกลุ่มเยาวชน People's Think Tank ได้จัดทำ “การสำรวจภาวะจิตใจและการแข่งขันของคนรุ่นใหม่จีน” เพื่อเข้าใจสถานการณ์พื้นฐานทางความคิดในกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มคนอายุ 14-35 ปี มีตัวอย่างทั้งหมด 2,515 ตัวอย่าง ครอบคลุมเทศบาล เมืองหลวงของมณฑล เมืองระดับอำเภอ และ หมู่บ้าน โดยในรายงานมีผลสรุปที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
- ความรู้สึกกดดันของคนจีนรุ่นใหม่ในเมืองและชนบทมีความแตกต่างกัน ข้อมูลการสำรวจพบว่า 85.32% ของคนรุ่นใหม่ในเมืองเอกของมณฑล กล่าวว่า พวกเขา "รู้สึกบ่อยครั้ง" ว่าถูกกดดันให้ไปแข่งขันถึง 84.07% ซึ่งอัตราแรงกดดันสูงกว่าเมืองเล็กมาก เนื่องจากความหนาแน่นของผู้มีความสามารถกระจุกตัวในเมืองใหญ่ จึงรู้สึกกดดันด้านการแข่งขันที่มากกว่า กลุ่มคนหนุ่มสาวอายุ 31-35 ปี มีความกดดันในชีวิตมากที่สุด เกือบ 60% รู้สึกถึงความกดดันในสังคมสูง กลุ่มอายุน้อยลงมาความรู้สึกกดดันก็น้อยลงลดหลั่นกัน เมื่อวิเคราะห์เหตุผลแล้ว คนหนุ่มสาวอายุ 31-35 ปี เริ่มมีภาระที่มาก และเผชิญกับความท้าทายจาก “วิกฤตวัย 35 ปี” ในที่ทำงานเป็นช่วงวัยที่หางานใหม่ได้ยาก อายุเริ่มเยอะในที่ทำงานเสี่ยงที่จะถูกปลด โดยเฉพาะในกลุ่มบริษัทไอที
- ในแง่ของแหล่งที่มาของความเครียด ได้แก่ "การสอบข้าราชการ" (รู้สึกกดดัน 43.02%) "การสอบเข้าปริญญาเอก" (รู้สึกกดดัน 40.68%) และ "การสมัครงาน" (รู้สึกกดดัน 37.69%) "ผลการเรียน" (รู้สึกกดดัน 35.51%) "การเลื่อนตำแหน่ง" (รู้สึกกดดัน 33.52%) "การประเมินผล" (รู้สึกกดดัน 28.67%) "แรงกดดันจากเพื่อนฝูง" (รู้สึกกดดัน 22.50%) "การแต่งงานและการเลือกคู่ครอง" (รู้สึกกดดัน 18.85%) "การศึกษา" (รู้สึกกดดัน 16.54%) "รูปร่างและรูปลักษณ์" (รู้สึกกดดัน 10.10%) ประเด็นต่างๆ นี้คือความเครียดและความกดดันที่กลุ่มคนจีนรุ่นใหม่ทั่วไปประสบอยู่
- คนจีนหนุ่มสาวมากกว่าครึ่งมองว่า “สังคมกับการแข็งตัวทางชนชั้นทำให้การข้ามชนชั้นทำได้ยาก ครอบครัวยากจนยากที่จะประสบความสำเร็จ” อีกประการหนึ่งคนจีนรุ่นใหม่กังวลกับความไม่เท่าเทียมและอยุติธรรม ในประเด็นนี้เกี่ยวเนื่องกับช่องว่างทางเศรษฐกิจและสังคมของจีนที่นับวันยิ่งมากขึ้น
- คนรุ่นใหม่จีนส่วนใหญ่ยังมองว่าความขยันสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองให้ไปในทางที่ดีขึ้นได้ ชีวิตในปัจจุบันยังคงต้องต่อสู้อยู่อย่างต่อเนื่อง และถึงแม้ว่าการแข่งขันจะสูงแต่คนจีนยุคใหม่ส่วนมากมองว่าโอกาสในชีวิตและโอกาสในการพัฒนาตัวเองมีอยู่มาก
- จากปัจจัยด้านคุณวุฒิการศึกษา คนรุ่นใหม่ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี เป็นกลุ่มที่อ่อนไหวต่อการแข่งขันในสังคมมากที่สุด กลุ่มที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยม/อาชีวศึกษา/โรงเรียนเทคนิค รู้สึกถึงความกดดันน้อยกว่า เพราะกลุ่มนี้หางานได้ง่ายกว่า ตำแหน่งแรงงานและงานที่ใช้เทคนิคมีความต้องการสูง ในขณะที่กลุ่มคนที่จบปริญญาตรีมีอัตราการแข่งขันหลังการเรียนจบที่มากกว่า
- คนจีนรุ่นใหม่แสวงหาความสุขในชีวิตมากขึ้น ต้องการใช้ชีวิตแบบ “work life balance” มากขึ้น ในขณะเดียวกัน ด้านการทำงาน คนจีนรุ่นใหม่หลายคนยังค่อนข้างมีความกังวลเกี่ยวกับงานของตัวเองที่ทำอยู่ อาจจะไม่มั่นคงเพราะอาจจะถูกเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ในอนาคต
- คนจีนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับมุมมองที่ว่า "การทำงานหาเงินให้ได้มากที่สุดเป็นสิ่งสำคัญที่สุด" ปรากฏการณ์ "การอวดความมั่งคั่ง" มีให้เห็นโดยทั่วไปโดยเฉพาะบนโซเชียลจีน ทำให้การขวนขวายหาเงินยกระดับชีวิตและสถานะทางสังคมยังเป็นสิ่งที่คนจีนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญ
- คนจีนรุ่นใหม่มองว่า ความเร่งของเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงทางสังคม และจังหวะชีวิตส่งผลต่อความคิดและพฤติกรรม คนที่อาศัยอยู่ในสังคมที่เร่งรีบนี้จะต้องปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันของตนเองให้เร็วขึ้นและคล่องตัวมากขึ้นเพื่อปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพื่อรับมือกับอนาคตที่ไม่แน่นอน
จากประสบการณ์ของผู้เขียนที่มีเพื่อนเป็นคนจีนรุ่นใหม่ๆ หลายคนในปักกิ่ง ส่วนมากเป็นคนต่างเมืองที่เข้ามาทำงานดิ้นรนในเมืองหลวง ต่างมีความกังวลกับงานที่ทำอยู่ รายได้ที่ได้รับไม่ค่อยเพียงพอกับต้นทุนการใช้ชีวิตที่สูงโดด โดยเฉพาะค่าเช่าบ้านที่แพงหูฉี่ สำหรับการซื้อบ้านยิ่งมีข้อจำกัดมากทั้งด้านเงื่อนไขการซื้อและราคาบ้านที่สูงมาก ทำให้คนทำงานกินเงินเดือนทั่วไปในปักกิ่งซื้อบ้านของตัวเองได้ยาก
ประเด็นต่อมาคือความกดดันในครอบครัว เพราะสังคมจีนยังคงมีความเชื่อดั้งเดิมว่าชีวิตที่สมบูรณ์ต้องแต่งงาน มีลูก ทำให้การใช้ชีวิตของคนจีนรุ่นใหม่นอกจากความกดดันการทำงานแล้ว ยังต้องได้รับความกดดันจากครอบครัวและสังคม ที่ต้องซื้อบ้าน แต่งงาน มีลูก ถึงจะเป็นชีวิตที่สมบูรณ์
จากสภาวการณ์ปัจจุบันที่เกิดขึ้นสะท้อนออกมาเป็นปัญหา เช่น อัตราการเกิดใหม่ของจีนที่ต่ำอย่างต่อเนื่อง คนรุ่นใหม่บางกลุ่มเลือกที่จะไม่ต่อสู้ชีวิตอยู่แบบชิลชิล ไม่ต้องดิ้นรนมาก คนรุ่นใหม่จำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่คิดจะซื้อบ้านของตัวเองเพราะใช้เงินเยอะและเป็นภาระระยะยาว แต่เลือกที่จะเช่าอยู่แทน เป็นต้น แนวทางที่คนรุ่นใหม่จีนคิดและปฏิบัติเป็นสิ่งที่น่าติดตามเพราะจะส่งผลไปถึงการพัฒนาของสังคมจีนในอนาคตอย่างแน่นอน