อาร์ทีไอนิวส์ (2 มิ.ย.) ศูนย์บัญชาการควบคุมโรคระบาดไต้หวัน (CECC) ในวันที่ 2 มิ.ย. ว่า พบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวันทั้งหมด 549 ราย วางแผนฉีดวัคซีนระหว่างเดือน มิ.ย. – สค. สัปดาห์ละ 1 ล้านโดส ผู้คนอยู่บ้านชอปออนไลน์มากขึ้น สินค้าแน่นโกดังขนส่งไม่ทัน กระทรวงคมนาคมหารือช่วยเหลือ
ศูนย์บัญชาการควบคุมโรคระบาดไต้หวัน (CECC) ได้เปิดเผยสถานการณ์โควิด 19 ประจำวัน ในตอนบ่ายวันนี้ (2 มิ.ย.) ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันนี้ทั้งหมด 549 ราย แบ่งเป็น การติดเชื้อในไต้หวัน 372 ราย และผู้ติดเชื้อตกค้าง 177 ราย เสียชีวิต 12 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด19 ในไต้หวันทั้งหมดตั้งแต่เกิดการระบาดเมื่อต้นปีที่แล้วเกือบจะทะลุหลักหมื่นแล้ว อยู่ที่ 9,389 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อในไต้หวัน 8,195 ราย มาจากต่างประเทศ 1,141 ราย
ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อในนครนิวไทเปยังคงมากที่สุดถึง 310 ราย รองลงมาได้แก่กรุงไทเป 152 ราย เถาหยวน 28 ราย จีหลง 18 ราย เหมียวลี่ 12 ราย จางฮั่ว 10 ราย เกาสง 5 ราย ไถตง 4 ราย ไถจง 3 ราย
ในการแถลงข่าวยังได้ชี้แจงเกี่ยวกับการพบผู้รับการฉีดวัคซีน AZ รายแรกที่มีอาการลิ่มเลือดว่า ผู้มีอาการดังกล่าวเป็นชายวัย 30 เศษ รับการฉีดวัคซีน AZ เข็มแรกเมื่อวันที่ 12 พ.ค. มีอาการเป็นไข้ ไม่สบาย แต่ดีขึ้นเมื่อผ่านไป 3 วัน หลังจากนั้น วันทื่ 19 พ.ค. เป็นไข้ ปวดหัวต่อเนื่อง ปวดท้อง เมื่อตรวจเลือดพบเกล็ดเลือดมีจำนวนค่อนข้างต่ำ ส่วน D-dime มีปริมาณสูงผิดปกติ ตรวจสมองไม่พบอาการลิ่มเลือด แต่ก็วินิจฉัยได้ว่า เป็นอาการของลิ่มเลือด หรือ Thrombosis with Thrombocytopenia Syndrome, (TTS) เมื่อผ่านการรักษาแล้ว อาการก็ดีขึ้น จึงวินิจฉัยว่า เป็นผู้ป่วย TTS รายแรกในไต้หวัน
เนื่องจากอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์หลังฉีดวัคซีน AZ มีสัดส่วนค่อนข้างต่ำเพียงล้านละ 2.1 รายเท่านั้น ที่ประชุมผู้เชี่ยวชาญจึงเสนอให้ฉีดวัคซีน AZ ต่อไปได้
ศูนย์บัญชาการควบคุมโรคระบาดไต้หวัน (CECC) ได้ประกาศแผนการฉีดวัคซีนในการแถลงข่าววันนี้ (2 มิ.ย.) ว่า จะดำเนินการฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงโดยยึดหลักการ 3 หลักการได้แก่ ฉีดวัคซีนตามคลีนิก วางระเบียบวิธีการจัดตั้งสถานีฉีดวัคซีนตามชุมชน สถานีฉีดวัคซีนขนาดใหญ่ และการให้บริการฉีดวัคซีนนอกสถานที่ รวมทั้งจัดตั้งกลไลการนัดหมายฉีดวัคซีน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่ต้องการฉีดวัคซีน
ทางด้น นายจวง เหยินเสียง โฆษก CECC ไต้หวัน ระบุว่า ศูนย์ฯ ได้วางแผนการฉีดวัคซีนไว้ในช่วงระหว่างเดือน มิ.ย. – ส.ค. หากมีปริมาณวัคซีนที่มากพอ ก็จะเริ่มดำเนินการฉีดวัคซีนแบบปูพรม สัปดาห์ละอย่างน้อย 1 ล้านโดส ผ่านสถานพยาบาลทั่วไต้หวัน 300 แห่งๆ ละ 300 โดส/วัน สัปดาห์ละประมาณ 5.4 แสนโดส สถานีอนามัย 200 แห่ง สัปดาห์ละ 1 แสนโดส คลินิกต่าง ๆ จำนวน 800 แห่งในเดือน มิ.ย. และเมื่อถึงเดือน ส.ค. จะมีคลินิกต่าง ๆ เข้าร่วมการบริการฉีดวัคซีนรวมทั้งสิ้น 2000 แห่ง ๆ ละ 50 โดส
ส่วนใน 6 นคร (ไทเป นิวไทเป เถาหยวน ไถจง ไถหนาน และเกาสง) จะจัดตั้งสถานีบริการฉีดวัคซีนในชุมชนส่วนขนาดก็ขึ้นอยู่กับในแต่ละพื้นที่ โดยจะพยายามจัดสถานีบริการฉีดวัคซีนที่ร้าน PX Mart สำนักงานแขวง หรือออฟฟิศของภาคธุรกิจขนาดใหญ่ คาดว่าแต่ละสถานีบริการจะสามารถฉีดได้ประมาณ 1000 โดส สุดสัปดาห์หนึ่งอาจะฉีดได้ถึง 1.8 หมื่นโดส ณ ขณะนี้ รัฐบาลไต้หวันกำลังออกแบบแอปลงทะเบียนเพิ่มความสะดวกในการนัดหมายให้ประชาชน ทั้งการนัดหมายผ่านมือถือ คอมพิวเตอร์ ร้านสะดวกซื้อ หรือร้านขายยาที่ใช้ระบบเดียวกับการซื้อหน้ากากอนามัย
ส่วนความพยายามของภาคเอกชนที่พยายามช่วยรัฐบาลจัดซื้อวัคซีนนั้น นายเฉิน สือจง ผอ. ศูนย์บัญชการควบคุมโรคระบาดไต้หวัน (CECC) เปิดเผยว่า บริษัทหงไห่ หรือฟอกซ์คอน์น ของนายกัวไถหมิง ซึ่งได้ส่งเอกสารหลักฐานเพื่อขออนุญาตจัดซื้อวัคซีนจากต่างประเทศให้กระทรวงสาธาณสุขพิจารณาแล้ว แต่น่าเสียดายว่า ยังขาดเอกสารชิ้นสำคัญคือ “หนังสือมอบอำนาจจากผู้ผลิต” โดยตรง
การระบาดของโควิด-19 ในไต้หวันที่ยังคงรุนแรง ประกอบกับการแจ้งเตือนภัยระดับที่ 3 ทั่วไต้หวัน ส่งผลให้ประชาชนลดการออกนอกบ้านและหันมาซื้อสินค้าปผ่านทางออนไลน์มากขึ้น ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าไม่สามารถรองรับปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้ ทำให้หลายบริษัทขนส่งอาทิ t-cat, HCT Logistics ตัดสินใจประกาศงดรับส่งพัสดุในเขตพื้นที่กรุงไทเป,นครนิวไทเป, นครเถาหยวน และเมืองซินจู๋ ที่ต้องขนส่งแบบอุณหภูมิต่ำเป็นการชั่วคราว
ด้วยเหตุนี้ หวังกั๋วฉาย (王國材) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมไต้หวัน จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประสานไปยังผู้ประกอบการขนส่งภายในประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้ามาประชุมหารือ เพื่อทาทางช่วยเหลือและแกไ้ขปัญหาร่วมกัน
กระทรวงคมนาคมไต้หวันเผยว่า ปัจจุบันนี้บริษัทขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ในประเทศที่ให้บริการขนส่งแบบอุณหภูมิต่ำ ได้แก่ President Transnet Corp (t-cat), HCT Logistics, Kerry TJ Logistics และTaiwan Pelican Express ซึ่งตอนนี้บริษัทที่ยังมีกำลังการขนส่งเหลืออยู่คือ Kerry TJ Logistics ดังนั้นตอนนี้หากผู้ประกอบการใดมีความจำเป็นต้องจัดส่งสินค้าเกษตรแบบอุณหภูมิต่ำก็สามารถสอบถามเพิ่มเติมไปที่สำนักงานประจำสาขาต่างของ Kerry TJ Logistics ได้
ส่วนบริษัทอื่นๆ ที่ประกาศหยุดให้บริการระหว่างวันที่ 1-4 มิถุนายน ก็จะเร่งเคลียร์สต๊อกสินค้าที่ค้างส่งอยู่ในแล้วเสร็จ จากนั้นก็กลับมาทบทวนการดำเนินงานเพื่อกลับมาให้บริการจัดส่งโดยรวดเร็วอีกครั้ง เบื้องต้นบริษัท HCT Logistics คาดว่าจะเพิ่มจำนวนยานพาหนะสำหรับขนส่งสินค้าแบบอุณหภูมิต่ำให้ได้ 300 คัน เพื่อรองรับการให้บริการที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้กระทรวงคมนาคมยังได้ หารือร่วมกับคณะกรรมการการเกษตรและกรมทางหลวง เพื่อจัดทำแพลตฟอร์มเพื่อใช้เป็นช่องทางในการประสานงานร่วมกัน หากพบเกษตรกรรายย่อยเจ้าใดประสบปัญหาเรื่องการขนส่งสินค้าก็สามารถติดต่อไปยังคณะกรรมการการเกษตรให้ดำเนินการกับประสานกับบริษัทขนส่งเข้ามาดำเนินการช่วยเหลือได้โดยตรง