ฟอร์บส์ สื่อต่างประเทศรายงาน (19 มี.ค.) ว่า ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชีย กำลังซื้อปืนเพื่อป้องกันตัวเองมากขึ้น ท่ามกลางอาชญากรรมเหยียดเชื้อชาติชาวเอเชีย ที่ขยายตัวในอเมริกา
“มีชาวเอเชีย ซื้ออาวุธปืนมากขึ้น” จิมมี่ กง เจ้าของ Jimmy’s Sport Shop ในนิวยอร์กกล่าว “ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีวัฒนธรรมปืนในชุมชนเอเชีย แต่หลังจากการแพร่ระบาดของโควิดฯ และอาชญากรรมแห่งความเกลียดชังที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีชาวเอเชียซื้อปืนเพื่อป้องกันตัวเองและครอบครัวกันมากขึ้น”
เจ้าของร้านฯ กล่าวว่า ยอดขายปืนของเขาเพิ่มขึ้นสองเท่าในช่วงที่เกิดโรคระบาดและประมาณครึ่งหนึ่งของลูกค้าของเขา เป็นชาวเอเชีย - อเมริกัน ซึ่งยังซื้อสเปรย์พริกไทยจำนวนมากด้วย
ร้านขายปืนอื่น ๆ ทั่วประเทศ ก็มีรายงานผู้ซื้อชาวเอเชีย - อเมริกันมากขึ้น แดเนียล เจมส์ ผู้จัดการทั่วไปของ Poway Weapons & Gear ในเมืองโพเวย์ รัฐแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า ในช่วงปีที่แล้ว ลูกค้าเอเชีย - อเมริกันมาที่ร้านของตนเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยบอกว่าลูกค้าซื้อปืนเพื่อป้องกันตนเอง
ล่าสุด เกิดเหตุบุกยิงร้านนวด 3 แห่งในจอร์เจียช่วงเย็นวันอังคาร (16 มี.ค.) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้หญิงเอเชีย 6 คน โดยตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ขณะหลบหนี เป็นชายผิวขาววัย 21 ปี และเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะที่ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียจำนวนมากขึ้นตกเป็นเป้าหมายอาชญากรรมจากความเกลียดชังในชุมชน และทำให้เกิดความกลัวกันว่า ธุรกิจของคนเอเชียอาจเป็นเป้าหมายต่อไป
ทิม เฮนลีย์ ผู้จัดการทั่วไปของ Towers Armory ร้านขายปืนในโอเรกอน รัฐโอไฮโอกล่าวว่า ขณะนี้มีลูกค้าชาวเอเชีย - อเมริกัน ประมาณห้าหรือหกคนต่อวัน เทียบกับก่อนการระบาด ซึ่งมีสองหรือสามคนต่อเดือน
“พวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัยมากขึ้นในสภาพแวดล้อมของพวกเขา และผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าวิตกกับชีวิตในตอนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้น” เขากล่าวโดยอ้างถึงการกราดยิงในจอร์เจียเมื่อวันอังคารซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่เป็นชาวเอเชีย
เขากล่าวว่า ผู้ซื้อและครอบครองอาวุธครั้งแรก มักจะเลือกปืนพก Glock และ AR-15s
“พวกเขาพยายามฝึกความเชี่ยวชาญในการใช้ ราวกับเป็นเรื่องเร่งด่วนจำเป็น” เขากล่าว
งานวิจัยที่เผยแพร่โดยฟอรัมรายงาน Stop AAPI Hate องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร เมื่อวันอังคารเปิดเผยว่า ในช่วงเวลาประมาณหนึ่งปีของการแพร่ระบาดโรคโควิดที่ผ่านมา มีรายงานเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายชาวเอเชีย เกือบ 3,800 ครั้ง นับเป็นตัวเลขที่สูงกว่าปีที่แล้วอย่างมาก โดยเหยื่อซึ่งเป็นผู้หญิงมีสัดส่วนสูงกว่าเหยื่อเพศชายมาก โดยอยู่ที่ 68 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับผู้ชายซึ่งคิดเป็น 29 เปอร์เซ็นต์