โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และธุรกิจระหว่างประเทศ วิทยาลัยนานาชาติ กรุงปักกิ่ง (UIBE)
วันนี้ผู้เขียนขอบอกเล่าถึงความสำเร็จของธุรกิจเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือ ซีพี กรุ๊ป (CP Group)ในประเทศจีน เมื่อกล่าวถึง “ซีพี”แล้วคงไม่มีคนไทยคนไหนที่ไม่รู้จักบริษัทมหาชนนี้ ในประเทศจีนคนจีนรู้จัก “ซีพี” ในนาม “เจิ้งต้า” (正大集团) ตั้งแต่ยุคทศวรรษ 1990 หลังจากที่รายการทีวี “เจิ้งต้าจงอี้” (正大综艺) ที่ถ่ายทอดผ่านสถานีโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน หรือ CCTV ได้รับความนิยมอย่างสูงจากชาวจีนอย่างกว้างขวาง
ผู้เขียนเองใช้ชีวิตในจีนได้เห็นการพัฒนาธุรกิจอาหาร“ซีพี”ในจีนเติบโตอย่างโดดเด่นมาตลอด สินค้าอาหารแช่แข็งของซีพีมีขายทั่วไปในซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วประเทศจีน การที่เราได้เห็นผลิตภัณฑ์ซีพีบ่อยๆในซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าออนไลน์ ผู้เขียนมองว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมาถึงจุดนี้ แสดงว่า”ซีพี” มีห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่ใหญ่และมีศักยภาพอย่างยิ่ง
ผู้อ่านทราบกันหรือไม่ว่า “ซีพี”เป็นบริษัทต่างชาติรายแรกที่เข้าลงทุนในประเทศจีนยุคเริ่มต้นนโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิดประเทศภายใต้การนำของเติ้งเสี่ยวผิงผู้ประกาศนโยบายฯดังกล่าวในปลายทศวรรษที่ 1970 โดยในปี ค.ศ.1981 “ซีพี” ได้รับใบอนุญาตลำดับที่ 0001 สำหรับเข้าลงทุนที่เมืองเซินเจิ้น และในปีต่อมา 1982 ได้รับใบอนุญาตเข้าลงทุนเป็นรายแรก คือหมายเลข 0001 จากเมืองจูไห่ และซ่านโถว (ซัวเถา) ซีพีได้ก้าวเข้ามาในตลาดจีนในทศวรรษที่ 1980 จากวันนั้นถึงวันนี้ “ซีพี” อยู่ในตลาดจีนมาแล้วกว่า 40 ปี จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมชื่อของ “ซีพี” หรือ “เจิ้งต้า” เป็นที่รู้จักของคนจีนทั่วไป
ซีพีเข้ามาลงทุนในจีนช่วงเปิดประเทศปีแรกๆซึ่งขณะนั้นโครงสร้างพื้นฐานต่างๆยังไม่เพียบพร้อม ซีพีเติบโตพร้อมกับการพัฒนาปฏิรูปเศรษฐกิจจีนยุคแรก นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานบริษัทซีพีในจีน เคยให้สัมภาษณ์แก่นักข่าวจีนว่า “เราเป็นผู้ร่วมก่อสร้างเขตเศรษฐกิจใหม่ของจีน เป็นผู้ที่เห็นจริงและเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์”
นายธนินท์ เจียรวนนท์ ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในกลุ่มคนจีนโพ้นทะเลที่มีอิทธิพลในจีน และเป็น “นักลงทุนต่างชาติคนแรกของจีน”
ปัจจุบันธุรกิจของกลุ่มซีพีในจีนมีมากกว่า 400 บริษัท พนักงานในจีนมากกว่า 80,000 คน มูลค่าการลงทุนทั้งหมดของเครือซีพีในจีนมากกว่า 1.2 แสนล้านหยวน รายได้รายปีของซีพีปีละ 1.2 แสนล้านหยวน บริษัทภายใต้เครือซีพีที่มีศักยภาพและเป็นที่รู้จักในจีนได้แก่ อาหารแปรรูปและอาหารสดซีพี อาหารสัตว์ซีพี ไข่ไก่ซีพี เมล็ดพันธุ์พืชซีพี ห้างค้าส่งโลตัส มอเตอร์ไซด์ต้าหยาง ห้างเจิ้งต้าซูเปอร์มอลล์ในเซี่ยงไฮ้ เวชภัณฑ์ยาซีพี และรายการทีวีเจิ้งต้าจงอี้ เป็นต้น
*จากตาราง Financial Data Summery Sheet 2006-2017 (ดูภาพตารางประกอบ) แสดงรายได้ธุรกิจ/ผลกำไรรวม และผลกำไรสุทธิจากปี 2006-2017 ของเครือซีพีในจีนจะเห็นได้ว่า มีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว กำไรรวมของบริษัทจากหลักร้อยล้านหยวนถึงพันล้านหยวนโดยใช้เวลาเพียง 4-5 ปีเท่านั้น ดังนั้น “ซีพี”ในจีนโดยรวมนั้นเติบโตขึ้นอยู่ตลอด สินค้าอาหารแช่แข็งและแปรรูปของซีพีได้รับความไว้วางใจจากชาวจีน เนื่องจากซีพีเน้นเรื่องความสด สะอาด จากโรงงานที่มีการควบคุมคุณภาพการผลิตอย่างเคร่งครัด ทำให้สินค้าซีพีในจีนมีภาพลักษณ์ที่ดี
หากท่านผู้อ่านที่เคยไปเซี่ยงไฮ้ บริเวณใกล้ๆกับอาคารโอเรียนทัล เพิร์ล (Oriental Pearl TV Tower) มีห้างใหญ่คือ “เจิ้งต้าซูเปอร์มอลล์” (Zhengda Super Brand Mall) ซึ่งห้างแห่งนี้ลงทุนโดย “ซีพี”ในปี 2002 ขณะนั้นใช้เงินลงทุนมากกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเขตการเงินลู่จยาจุ่ยแห่งนครเซี่ยงไฮ้ ถึงแม้ปัจจุบันลู่จยาจุ่ยมีตึกสูงระฟ้าผุดขึ้นมากมาย “เจิ้งต้าซูเปอร์มอลล์” ก็ยังเป็นห้างใหญ่ที่โด่งดังในย่านนั้น ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่ ห้างร้านที่ครบครัน คนเดินมากมาย ในช่วงวันหยุดเนื่องในวันชาติจีน (1 ต.ค.) ที่ผ่านมาผู้เขียนได้มีโอกาสกลับไปเยือน “เจิ้งต้าซูเปอร์มอลล์” อีกครั้ง และพบว่าในห้างยังคึกคักเหมือนเดิม มีร้านอาหารเพิ่มขึ้นมากมาย และหลายจุดกำลังอยู่ในช่วงปรับปรุง โดยรวมแล้วยังมีคนเดินซื้อของและนั่งทานอาหารอยู่ในร้านอาหารต่างๆอยู่เป็นจำนวนมาก หากมองอีกมุมหนึ่ง ผู้เขียนมองว่าห้างนี้เป็นดัชนีชี้วัดความสำเร็จของซีพีในจีนได้อย่างดี การที่รัฐบาลจีนอนุมัติและมอบ “ที่ดินทอง”ผืนนี้ให้กับซีพีเป็นผู้พัฒนาและก่อสร้างห้างขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ แสดงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างซีพีและรัฐบาลจีน พร้อมทั้งศักยภาพที่ได้รับการยอมรับอย่างแท้จริง
ในปี 2009 ทางการจีนได้จัดอันดับ “ธุรกิจของชาวจีนโพ้นทะเลในจีนแผ่นดินใหญ่ 500 บริษัท” “ซีพี” นำโด่งเป็นอันดับหนึ่ง โดยมีรายได้รวมต่อปีในขณะนั้น 4.9 หมื่นล้านหยวน ในปี 2012 ความสำเร็จของซีพีก้าวหน้าไปอีกขั้นคือการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ลำดับที่หนึ่งของบริษัทประกันภัยอันดับต้นๆของจีน คือ ผิงอัน อินชัวรันส์ กรุ๊ป (中国平安 /Pingan Insurance Group) โดย”ซีพี”มีสัดส่วนหุ้นอยู่ 15.57% โดยในการเข้าถือหุ้นในผิงอัน อินชัวรันซ์ ซีพีให้กลุ่มบริษัทย่อยของตนเข้าถือหุ้น
นอกจากนี้ในปี 2015 ซีพียังลงทุนถือหุ้นในบริษัทการเงินรายใหญ่ของจีนคือ ไชน่า ซิติก กรุ๊ป (China CITIC GROUP) โดยจับมือตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัทการค้าของญี่ปุ่น อิโตชุ (ITOCHU) โดยถือหุ้นคนละครึ่ง และเข้าถือหุ้นในไชน่า ซิติก 20.61%กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ลำดับที่สอง
ในปี 2016 ซีพีกรุ๊ปเซ็นสัญญาร่วมมือกับอาลีบาบา กรุ๊ปและแอนท์กรุ๊ป(Alipay) ในด้านการค้าออนไลน์ การบริการทางเงิน โลจิสติกส์ สินค้าเกษตรและอาหาร การค้าปลีกและด้านการช่วยเหลือประชาชนชนบทให้หลุดพ้นจากความยากจน โดยเน้นที่การอัปเกรดเส้นทางสินค้าเกษตรจากชนบทสู่คนเมือง เพิ่มบริการด้านการสนับสนุนทางการเงินเพื่อชนบท เป็นต้น
การเติบโตของซีพีในจีนยังมีอีกมากมาย ในยุคนี้ซีพีพยายามเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรยุคใหม่ในจีนอย่างเต็มที่ รักษาคุณภาพและภาพลักษณ์ของสินค้า การค้าปลีกยุคใหม่ที่ปรับตัวให้ทันสมัย และจากที่ผู้เขียนแนะนำไปข้างต้นธุรกิจซีพีในจีนไม่ใช่เพียงแค่ด้านการเกษตรเท่านั้น ในด้านของการธนาคาร การเงินและประกันภัย ก็เป็นธุรกิจที่ซีพีเข้าไปลงทุนและมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน กุญแจสู่ความสำเร็จของซีพีในจีนอีกด้านหนึ่งคือ การเข้าใจจีนอย่างลึกซึ้งและเดินตามนโยบายที่สำคัญของจีนมาโดยตลอดนั่นเอง