เอเจนซี - ไต้หวันจะอยู่อย่างไรบนกระดานหมากการเมืองโลกยุคไบเดนนั้น นักวิเคราะห์การเมืองระหว่างประเทศ ซุน ไท่อี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์ที่ มหาวิทยาลัยคริสโตเฟอร์ นิวพอร์ต ในเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา เคยกล่าวแสดงความเห็นกับโกลบอลไทม์สว่า ทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน ต้องการรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับไต้หวัน ซึ่งจุดที่ทำเนียบขาวและทั้งสองสภาเห็นชอบร่วมกันในรัฐสภาสหรัฐฯ
เรื่องนี้สอดคล้องกับ ไมค์ ปอมเปโอ รมต.ต่างประเทศสหรัฐ ที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่งไปพร้อมกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์รายการ Hugh Hewitt Show ว่ารรคการเมืองทั้งสองพรรคในสหรัฐฯ ต่างยอมรับตรงกันว่าไต้หวัน ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของจีน ในช่วง 35 ปีที่ผ่านมา
หลายเรื่องคงเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติม คือแอนโทนี บลินเคน ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของไบเดน ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศสหรัฐฯ สมัย
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา และยังอยู่ในโผฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐในอนาคต ได้กล่าวกับสื่อฯ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมว่า สหรัฐฯ จะใช้ "กลยุทธ์ที่สมดุล" เพื่อจัดการกับความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบ
นั่นหมายถึงยุทธศาสตร์ใหม่มีแนวโน้มไม่ "โปรไต้หวัน" เหมือนทรัมป์ แต่จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและมั่นคงยิ่งขึ้นในช่องแคบ
บลินเคน กล่าวว่าสหรัฐฯ จะไม่พยายามยั่วยุจีนด้วยการข้าม "เส้นสีแดง" หรือพื้นที่ปัญหา ซึ่งจะช่วยลดความเป็นไปได้ที่ทหารปักกิ่งจะใช้เป็นข้ออ้างโจมตีไต้หวัน
มีหลายความเห็นของผู้เชี่ยวชาญฝั่งจีนมองว่า สิ่งที่ดีเกี่ยวกับนโยบายไต้หวันของทรัมป์คือ เขาจะไม่เสี่ยงทำสงครามกับจีนแผ่นดินใหญ่เพื่อไต้หวัน หรือแม้กระทั่งฮ่องกง แต่ความประมาทและไม่เข้าใจความอ่อนไหวของปัญหาไต้หวันอาจนำไปสู่ความเสี่ยงที่ไม่คาดคิด
และแน่นอนว่า ไบเดน ก็คงระมัดระวังและไม่พรวดพราดกับล้ำเส้นแดงไต้หวันได้มากกว่า
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่รู้ว่าไบเดน ครองทำเนียบขาว หัวหน้าคณะกรรมการกิจการจีนแผ่นดินใหญ่ของไต้หวัน ยังมั่นใจว่า นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐจะยังคงให้การสนับสนุนไต้หวันเช่นเดียวกับที่เคยได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ
สหรัฐฯ ก็คงจะยังขายอาวุธให้ไต้หวันและสนับสนุนเกาะต่อไป แต่ไบเดนมีความเข้าใจอย่างชัดเจนเกี่ยวกับอันตรายและการล้ำเส้น อาจปรับกลยุทธ์บางอย่างต่อจีน แต่จะไม่เปลี่ยนยุทธศาสตร์ที่มีต่อจีนอย่างแน่นอน
ผู้เชี่ยวชาญของจีนจำนวนมาก คาดการณ์ว่าฝ่ายบริหารไปเดน จะไม่ก้าวไปไกลกว่านโยบายดั้งเดิมของสหรัฐฯ เกี่ยวกับไต้หวัน และไม่น่าเป็นไปได้อย่างมากที่จะมีการผลักดันยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนบนเกาะในระหว่างดำรงตำแหน่งตลอด 4 ปี
นี่ก็สอดคล้องกับบรรดาสมาชิกรัฐสภาของไต้หวันหลายคน แสดงความวิตกกังวลว่า รัฐบาลนายไบเดนอาจใช้นโยบายที่เปลี่ยนไปต่อไต้หวัน ด้วว่าไบเดนมีท่าทีเป็นมิตรกับจีน และหากย้อนดูจะพบว่านายไบเดนเคยคัดค้านร่างกฎหมายเพื่อเสริมความมั่นคงของไต้หวันในปี 2542 มาก่อนด้วย
เรื่องนี้จึงไม่แปลกถ้าสมาชิกพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลไต้หวันกำลังรู้สึกวิตกกังวลท่าทีเปลี่ยนไปในการสนับสนุนไต้หวัน
เพราะจุดที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ ไบเดน อาจจะไม่คิดว่าไต้หวันเป็นหมากตัวหนึ่งในเกมเหมือนประธานาธิบดีทรัมป์ นี่คือแนวโน้มที่หลายฝ่าย กำลังคาดการณ์ทำนาย ...