สืบเนื่องจากรายงานผลการตรวจร่างกายผู้ลักลอบเข้าเมืองสัญชาติพม่า 2 รายในเมืองรุ่ยลี่ มณฑลอวิ๋นหนัน (ยูนนาน) ยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 ...ในคืนวันที่ 14 ก.ย. รัฐบาลท้องถิ่นรุ่ยลี่จึงประกาศ “ปิดเมือง” ดำเนินมาตรการต่อสู้โควิด-19 แบบ “ภาวะสงคราม” โดยมีมาตรการที่ชัดเจนดังต่อไปนี้
-ให้ผู้อาศัยในเขตเมืองรุ่ยลี่ทุกคนมารับการทดสอบกรดนิวคลีอิกเพื่อตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยรัฐบาลรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด
-หลังเวลา 22.00 น. ของวันที่ 14 ก.ย. หากไม่มีสถานการณ์หรือกิจพิเศษใด ห้ามประชาชนเดินทางออกจากเมืองเป็นเวลา 1 สัปดาห์
-ให้สมาชิกครัวเรือนทั้งหมดในเมือง กักตัวดูอาการอยู่ภายในบ้าน
-กิจการห้างร้านต่างๆถูกปิดหมด ยกเว้น ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้ายขายยา และตลาดขายอาหาร
-จัดมาตรการสกัดผู้ลักลอบข้ามเขตแดนอย่างเข้มงวดที่สุด
-ผู้ที่เดินทางออกจากเขตเมืองลุ่ยลี่ตั้งแต่เวลา 00.00 น.ของวันที่ 12 ก.ย.ให้มารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่และทดสอบกรดนิวคลีอิก
ในประเทศพม่า...ขณะนี้มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากข้อมูล ณ เวลา 08.00 น. ของวันที่ 14 ก.ย. ระบุว่าในช่วง 24 ชั่วโมง พบผู้ติดเชื้อฯรายใหม่ 219 ราย ดันยอดสะสมผู้ติดเชื้อฯในพม่า 3,015 ราย และผู้เสียชีวิตฯ 24 ราย
สำหรับ “รุ่ยลี่”ซึ่งมีผู้อาศัยกว่า 210,000 คน เป็นเมืองในแคว้นปกครองตัวเองชนชาติไตแห่งเต๋อหง มณฑลยูนนานทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน รุ่ยลี่อยู่ติดกับเมืองมูเซะของพม่าเป็นด่านข้ามพรมแดนระหว่างจีนและพม่าแห่งหลัก โดยมีเส้นแบ่งเขตแดนยาวเกือบ 170 กิโลเมตร ประกอบด้วยเส้นทางน้ำ 105 กิโลเมตร และเส้นทางบก 65 กิโลเมตร
เหตุของการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในมณฑลยูนนานครั้งนี้เริ่มจากเมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา นางหยังXXผู้ถือสัญชาติพม่าวัย 32 ปี พาเด็ก 3 คน และพี่เลี้ยง 2 คน ลักลอบเข้าเมืองและพักอาศัยชั่วคราวกับพี่สาวในย่านตลาดเมืองรุ่ยลี่ หนึ่งสัปดาห์ต่อมานางหยังไม่สบายจึงไปทดสอบกรดนิวคลิอิกที่โรงพยาบาล และในวันที่ 13 ก.ย. เจ้าหน้าที่ได้แถลงผลการตรวจ ปรากฏว่านางหยังและพี่เลี้ยงคนหนึ่งติดเชื้อโควิด-19 …ก่อนหน้านี้นางหยังได้ไปตลาด ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และฟิตเนส และที่อื่นๆ
“ผู้ลักลอบข้ามเขตแดน” เปรียบได้กับปลาที่หลุดจากแหนที่ฉีกขาด?
ช่วงตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา (ก่อนพบกรณีติดเชื้อฯในเมืองรุ่ยลี่)ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อฯในท้องถิ่นบนแผ่นดินใหญ่ จนกระทั่งวันจันทร์ (14 ก.ย.)ที่ผ่านมา มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ภายในเขตแดนประเทศจีน จำนวน 8 ราย โดยทั้งหมดเป็นผู้เดินทางข้ามเขตแดนมายังจีน สำนักงานเทศบาลเมืองรุ่ยลี่และแคว้นปกครองตัวเองชนชาติไตแห่งเต๋อหงชี้ถึงกรณีที่มีผู้ติดเชื้อฯโผล่
ขึ้นมานี้เป็นเพราะปัญหารับมือสถานการณ์ไม่ทันการณ์
ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจเมืองรุ่ยลี่ควบตำแหน่งรองนายกเทศมนตรี นาย หยัง เปียนเฉียงยอมรับว่า “สถานการณ์ชายแดนมีความซับซ้อนจนดูแลจัดการได้ยากมาก”
การลักลอบข้ามพรมแดนระหว่างประเทศเป็นปัญหาที่มีมาช้านาน ก่อนหน้าเกิดโรคระบาด รัฐบาลท้องถิ่นได้ดำเนินมาตรการต่างๆเพื่อสกัดการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายบริเวณชายแดนพม่า อาทิ ห้ามเรือข้ามฟากเถื่อน จัดหน่วยลาดตระเวนในแม่น้ำเป็นประจำ ตลอดจนประกาศให้รางวัลนำจับการลักลอบเข้าเมือง แต่ก็ยังไม่อาจขจัดปัญหาลักลอบเข้าเมืองได้อย่างราบคาบ
นายหยังกล่าวว่า จากเหตุพบผู้ติดเชื้อฯไร้อาการสัญชาติพม่าลักลอบเข้าเมืองครั้งนี้ บ่งชี้ชัดเจนว่าพวกเรายังปฏิบัติการไม่เพียงพอในการดูแลบริเวณแนวชายแดน 169.8 กิโลเมตร ยังต้องอุดช่องโหว่รอยรั่ว เสริมจุดอ่อนต่างๆ นอกจากนี้ยังต้องขยายการเจรากับทางการพม่า ช่วยเหลือสนับสนุนมาตรการป้องกันโควิด-19 เช่น บริจาคหน้ากากอนามัย และอุปกรณ์เครื่องสำหรับป้องกันการแพร่บาด
อีกไม่ถึงสองสัปดาห์จะถึงเทศกาลฉลองวันชาติจีนวันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงสัปดาห์ทองวันหยุดของจีน บริเวณรุ่ยลี่และเมืองรอบๆเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของยูนนาน มาตรการล็อกดาวน์อาจกระทบต่อแผนการเดินทางของคนจำนวนไม่น้อย
“เหตุแพร่ระบาดโควิด-19 ในรุ่ยลี่ มีลักษณะพิเศษมาก ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าผู้ที่มีเชื้อไวรัสในช่วงฝักตัวมีจำนวนเท่าไหร่ หากผู้ลักลอบข้ามแดนไม่ไปตรวจเชื้อไวรัสด้วยตัวเอง ก็ไม่มีใครรู้ได้ว่าพวกนี้เป็นคนลักลอบข้ามแดนมา ในสถานการณ์เช่นนี้การประมาณจำนวนคนที่แอบซ่อนตัวอยู่ภายในเขตแดนยูนนานนั้นเป็นเรื่องยากมาก
Clip:บรรยากาศ “ล็อกดาวน์” ในวันที่สอง ตามท้องถนนในรุ่ยลี่กลายเป็นเมืองร้าง ขณะที่ชาวเมืองจำนวนมากแห่แหนแย่งกันซื้อเสบียงอาหารข้าวของใช้จำเป็นต่างๆในซูเปอร์มาร์เก็ต
หลังจากที่ประกาศปิดเมือง ราคาสินค้าอาหารทุกอย่างพุ่งพรวด อาทิ เนื้อหมูขึ้นราคาถึง100หยวน (ราว500บาท) ต่อจิน (มาตรวัดน้ำหนักจีนเท่ากับครึ่งกิโลกรัม) ผักสดแพงขึ้นถึง10 กว่าหยวน (กว่า50-60บาท)/ครึ่งกิโลกรัม