นิวส์วีค สื่อต่างประเทศรายงาน (30 ก.ค.) - ผลการศึกษาใหม่ที่ตีพิมพ์ในวันจันทร์ที่ผ่านมา ของวารสารโรคหัวใจ JAMA พบว่าร้อยละ 78 หรือราว 3 ใน 4 ของผู้ป่วยโควิด-19 ที่ผ่านการต่อสู้กับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และรักษาโควิด-19 แม้หายแล้ว แต่มีผลกับหัวใจถาวร
การศึกษาจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแฟรงค์เฟิร์ตได้ทำการตรวจ MRI ของหัวใจและหลอดเลือดหัวใจของคน 100 คนที่หายจากโรคโควิด19 ภาพหัวใจแสดงให้เห็นว่าเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาโควิด-19 มีผลกระทบเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างต่อหัวใจของพวกเขา
ผู้ป่วยร้อยละ 60 มีการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจ (กล้ามเนื้อหัวใจ) อย่างต่อเนื่องแม้หลังจากการรักษาโควิด-19 หายแล้ว
ดร. วาเลนตินา พันท์แมนน ผู้อำนวยการศึกษาวิจัยฯ บอกกับ STAT ว่าแม้ว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะไม่เกี่ยวข้องกับอาการหัวใจอย่างรุนแรง แต่กล้ามเนื้อที่ปรากฏก็แสดงให้เห็นว่ามีบทบาทสำคัญของหัวใจหลังผ่านการต่อสู้กับไวรัสฯ
"ความจริงที่ว่าร้อยละ 78 ของ 'ผู้ป่วยที่รักษาหาย' มีหลักฐานผลกระทบของหัวใจอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่แม้ว่าตอนที่ป่วยนั้น หัวใจจะไม่ส่งอาการใดๆ รุนแรงนัก อาทิ อาการเจ็บหน้าอก" ดร. วาเลนตินา พันท์แมนน กล่าวและว่าในทัศนะของตนเอง การจัดการรักษาโควิด-19 ให้มีประสิทธิภาพเชิงรุก ควรมองหาการมีส่วนร่วมของหัวใจตั้งแต่ต้น
การศึกษาก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมีนาคม พบว่า 19% ของผู้ป่วยในโรงพยาบาลในอู่ฮั่น ประเทศจีน กลุ่มแรก ๆ มีอาการบาดเจ็บที่หัวใจ
สำหรับผลกระทบระยะยาวของไวรัสฯ ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด การศึกษาเหล่านี้ เพิ่งชี้ให้เห็นว่า ไวรัสฯ มีผลเสียต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดแก่ผู้ติดเชื้อแม้หลังจากการฟื้นตัวหายแล้วก็ตาม
ผู้ที่มีภาวะสุขภาพอ่อนแอเป็นประชากรที่มีความอ่อนไหวในภาวะวิกฤตสุขภาพ ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หรือหัวใจล้มเหลวมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อฯ และเสียชีวิต
การศึกษาก่อนหน้านี้ระบุว่า ผลกระทบระยะยาวที่เป็นไปได้อื่น ๆ ของไวรัสอาจรวมถึงการแข็งตัวของเลือด ความเสียหายของปอดและอาการทางระบบประสาท เช่น สูญเสียกลิ่นหรือรสชาติ
ผลกระทบที่ชัดเจนที่สุดของโควิด-19 คือต่อระบบทางเดินหายใจ ผู้ที่มีอาการรุนแรงของโรคนี้ ต้องเผชิญกับโรคปอดอักเสบ ที่คุกคามชีวิต ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ จำเป็นต้องรักษาในโรงพยาบาลเพื่อรักษาโรคปอดอักเสบ
ศาสตราจารย์ด้านระบาดวิทยาของโคลัมเบีย สตีเฟน มอร์ส บอกกับ นิวสวีคว่า ผลกระทบระยะยาวเหล่านี้อาจไม่น่าแปลกใจ
ตามข้อมูลจากตัวติดตามมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ณ วันพุธที่ 29 กรกฎาคม มีการรายงานผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วโลกมากกว่า 16 ล้านคนและในบรรดาผู้ติดเชื้อนั้น มีผู้รักษาหายแล้ว 9.8 ล้านคน
ในขณะที่ผู้ป่วยรายใหม่ ยังกลับเริ่มเพิ่มขึ้นอีกระลอก ในสเปน เบลเยียมและเนเธอร์แลนด์ ยุโรป หลายประเทศในเอเชียได้เห็นการกลับมาของการติดเชื้อรอบสอง รอบสาม เมื่อวันพุธที่ผ่านมาจีน รายงานจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ จำนวนสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน
ด้าน สหรัฐอเมริกา ซึ่งยังคงอยู่เพียงช่วงแรกเริ่มของการแพร่ระบาดไวรัส หลายรัฐก็ได้กลายเป็นศูนย์กลางระบาดระดับโลก มีกรณีที่ยืนยันการติดเชื้อฯ มากกว่าประเทศอื่น ๆ