สื่อต่างประเทศ (8 พ.ค.) - แพทย์ของโรงพยาบาลอัลเบิร์ต ชไวเซอร์ แห่งโคลมาร์ทางตะวันออกของฝรั่งเศสกล่าวในรายงาน (7 พ.ค.) ว่า พวกเขาได้พบหลักฐานว่า ในประเทศฝรั่งเศส มีผู้ป่วย COVID-19 คนแรกๆ ในประเทศ แล้วตั้งแต่ วันที่ 16 พฤศจิกายน
มิเชล ชมิตต์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของแผนกเอ็กซเรย์ทางการแพทย์ ที่โรงพยาบาลอัลเบิร์ตชไวเซอร์ ทำการศึกษาย้อนหลังภาพสแกนหน้าอก 2,456 ภาพ ในแผนกของเขา ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายนถึง 30 เมษายน พบรอยโรคที่แตกต่างกันหลากหลาย ได้แก่ ปอดหัวใจและบาดแผล
จากการย้อนดูภาพทั้งหมด พวกเขาพบว่ามีภาพที่แสดงถึงรอยโรคลักษณะโควิด-19 ในโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นเวลาหลายเดือนก่อนจะพบผู้ป่วยคนแรกของฝรั่งเศสตามรายงานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 มกราคม แต่อุบัติการณ์ระบาดในระยะเป็นไปอย่างเชื่องช้า ๆ จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์จึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตามคำกล่าวของชมิตต์ ยังมีบางกรณีที่มีการแพร่กระจายไปแล้วในภูมิภาคเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน
แพทย์บอกว่าไวรัสแพร่กระจายเป็นระยะ ๆ และการแพร่กระจายเร่งขึ้นในช่วงปลายปี เช่น ช่วงคริสต์มาสการเฉลิมฉลองกับครอบครัวจนกระทั่งการระบาดเกิดขึ้นหลังจากการชุมนุมทางศาสนาในเมืองมูลูสเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ฌอง-ฟิลิป แมสซอง ประธานสหพันธ์แพทย์รังสีวิทยาแห่งชาติ (FNMR) กล่าวว่าการศึกษานี้มีความน่าเชื่อถือเนื่องจาก COVID-19 ระบุว่ามีรอยโรคเฉพาะ 4 รอยโรคและสามารถสังเกตได้จากการสแกนทรวงอก
โรงพยาบาลยังได้ร่วมมือกับศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติของฝรั่งเศส (CNRS) เพื่อเริ่มการวิเคราะห์ทางระบาดวิทยา ตามข้อมูลทางชีวภาพและบันทึกผู้ป่วยในเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ประเทศฝรั่งเศส พบผู้ป่วยโควิด-19 รายแรกได้รับการวินิจฉัยยืนยัน ในเมืองโคลมาร์ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์และมีการบันทึกผู้เสียชีวิตคนในวันที่ 4 มีนาคม