xs
xsm
sm
md
lg

New China Insights: จีนใช้ Big Data และ AI เข้ามารับมือกับการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างไร&?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพแพลตฟอร์ม Big Data ที่แสดงข้อมูลต่างๆในสถานการณ์โรคโควิด-19ในเขตพื้นที่ต่างๆ ด้านขวาเป็นกลุ่มบุคคล (มีไข้)ที่ต้องเฝ้าระวัง (เครดิตภาพ Xuaxi News)
โดย ร่มฉัตร จันทรานุกูล / Yuan Xue Beijing Open Economy Research Institute,UIBE

หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ผู้เขียนเชื่อว่าผู้อ่านทุกท่านได้ติดตามข่าวของการแพร่ระบาดของโรคระบาดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 กันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเมื่อในประเทศไทยเกิดกรณีผู้ติดเชื้อฯที่ไปเที่ยวต่างประเทศมาแล้วปกปิด ตั้งแต่เกิดการระบาดฯมาตั้งแต่ปลายเดือนม.ค. ตัวเลขผู้ป่วยในไทยถือว่ายังอยู่ในระดับต่ำและดูเหมือนว่าจะควบคุมได้อยู่(ทั้งนี้ต้องดูการบริหารจัดการป้องกันของรัฐบาลและความร่วมมือของชนชาวไทย)

แต่หลังจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อย่างรวดเร็วในเกาหลีใต้และญี่ปุ่น พร้อมกับการประกาศโรคโควิด-19เป็นโรคติดต่อร้ายแรง การกลับมาของผีน้อยในแดนโสมขาวและอาจจะทำให้ไทยเข้าสู่การแพร่ระบาดระยะที่ 3 ทั้งหมดทั้งปวงทำให้คนไทยทั้งประเทศตื่นกลัวและระแวงกันมากยิ่งขึ้น ผู้เขียนติดตามข่าวสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิดในเมืองไทยอยู่ตลอด มาถึงวันนี้หนึ่งเดือนกว่าผ่านไป คนไทยตื่นตัวและปฎิบัติตัวตามคำแนะนำการป้องกันโรคระบาดฯมากขึ้น กลุ่มคนที่กลับจากประเทศเสี่ยงต่างมีจิตสำนึกต่อสังคมที่จะกักตัวเองดูอาการ ตรงนี้ถือเป็นเรื่องที่ดี ส่วนหน้ากากอนามัยขาดแคลน ราคาแพง ของปลอมเกลื่อนตลาด กลายเป็นประเด็นดราม่าในสังคม ทั้งนี้ก็หวังว่าปัญหาทั้งหลายจะได้รับการแก้ไขได้โดยเร็ว

มาเข้าเรื่องที่ผู้เขียนอยากแชร์ในวันนี้เกี่ยวกับรัฐบาลจีน+เอกชน ร่วมมือร่วมใจกันพัฒนาและใช้เทคโนโลยีฐานข้อมูลใหญ่ หรือบิ๊กดาต้า (Big Data) และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ (AI) เข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดฯ ถึงวันนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าใช้ประโยชน์ได้จริงและได้ผลดีเป็นอย่างยิ่ง ผู้อ่านบางท่านติดตามสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19ในจีนอย่างใกล้ชิด จะเห็นว่าตอนนี้จีนควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีและแนวโน้มกราฟแสดงผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ในช่วงขาลง จำนวนผู้ป่วยที่หายดีกำลังเพิ่มขึ้นมา ผู้เขียนเองยอมรับจริงๆว่า รัฐบาลจีนควบคุมสถานการณ์ระบาดได้เร็วด้วยมาตรการและกฎหมายที่เข้มข้นเอาจริง ประการสำคัญคือประชาชนทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือ

ทีมแพทย์ชั้นนำของจีนจากหลายพื้นที่พร้อมใจออกมาต่อสู้กับโควิด-19 แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในเขตแนวหน้าเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นทีมแพทย์ที่ต่อสู้กับโรคระบาดไวรัสซาร์สในปี 2002-03 มีประสบการณ์และทีมงานที่แข็งแกร่ง คำชี้แนะหลายอย่างถูกนำไปใช้จริง แพทย์หญิงหลี่หลานจวนผู้เชี่ยวชาญโรคระบาดจากมณฑลเจ้อเจียง เป็นคนแรกๆที่เรียกร้องให้ภาคเอกชนผู้เชี่ยวชาญด้าน Big data และ AI เข้ามาร่วมมือในงานด้านประมวลผลกับหน่วยงานสาธารณสุขและหน่วยแพทย์ เพื่อให้การป้องกันและรักษาโควิด-19 มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และแม่นยำมากยิ่งขึ้น เกือบสองเดือนที่ผ่านมาจีนได้นำ Big data และ AI เข้ามาใช้กับการป้องกันโรคระบาดนี้อย่างรอบด้าน ตั้งแต่การเก็บข้อมูลผู้ป่วย การรักษา สถิติทั้งระดับมณฑลและระดับประเทศ ข้อมูลเก็บเหล่านี้ถูกเก็บอย่างระเอียดยิบทำให้ภารกิจการต่อสู้กับโควิด-19 มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างมาก

Big data และ AI ที่จีนนำมาใช้ส่วนใหญ่เป็นในกรอบของการเฝ้าระวังและติดตาม เช่น เก็บสถิติของผู้ป่วย ทีมแพทย์ของน.พ.จงหนานซานผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสฯชื่อดังได้ใช้ตัวแบบควบคุมการแพร่ระบาดที่เรียกว่า SEIR (Susceptible-Exposed-infectious-Recovered Model) เข้ามาผสมผสานกับการใช้สูตรในระบบ AI พร้อมกับตัวแปรสองตัวใหญ่ ประมวลผลกราฟแนวโน้มการระบาดโควิด-19ในอนาคต จนถึงวันนี้พบว่าการประมวลผลของทีมน.พ.จงหนานซานใกล้เคียงกับตัวเลขในความเป็นจริงมาก

ในรายละเอียดของงานการป้องกันและควบคุมโรคระบาดจากไวรัสโควิด-19นี้ บริษัทเทนเซนท์ (Tencent) ได้ร่วมมือกับศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคระบาดเมือง ณ กว่างโจว จัดทำแผนที่โรงพยาบาลที่รับตรวจรักษาผู้ป่วยที่มีไข้ โดยคนที่มีไข้สามารถดูแผนที่และเดินทางไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ตัวเองที่สุดได้ นอกจากนี้ยังมี “Tencent AI tools”ให้ประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบความเสี่ยงที่จะติดเชื้อโควิด-19 ด้วยตัวเองได้(กรอกข้อมูลส่วนตัวและสถานที่ที่เคยไปมา จะมีการประมวลผลว่าสถานที่ที่เราเคยไปมานั้นมีผู้ป่วยโควิด-19 อยู่หรือไม่)

เจ้าหน้าที่กำลังเก็บตัวอย่างเชื้อไวรัสที่อาจปนเปื้อนบนลูกบิดประตู (เครดิตภาพ Guangzhou News)
นอกจากนี้ศูนย์ควบคุมโรคระบาดเมืองกว่างโจวได้ร่วมมือกับอาลีบาบา(Ali Health)ระบบวิเคราะห์ทางระบาดวิทยา ระบบการแจ้งเตือนโรคระบาดอัจฉริยะ ระบบการตรวจสอบอุณหภูมิร่างกายของผู้โดยสารรถสาธารณะ ระบบติดตามกลุ่มผู้ป่วยเป้าหมาย ระบบบันทึกเสียงบุคคลอัจริยะที่สามารถค้นข้อมูลและประวัติสุขภาพของบุคคล (เจ้าของเสียง)ได้ อีกทั้งยังสามารถโทรศัพท์อัตโนมัติไปหากลุ่มเป้าหมายเพื่อแจ้งเตือนหรือให้คำแนะนำด้านการรักษาสุขภาพ

การสอบสวนและติดตามทางการระบาดวิทยาเป็นภารกิจสำคัญอย่างยิ่งสำหรับกรมควบคุมโรค อย่างเช่น BI (Business Intelligence) เป็นระบบประมวลผลทาง Big Data ที่สามารถรวบรวมและประมวลผลทางตัวเลขได้อย่างรวดเร็ว กรมควบคุมโรคได้ใช้ระบบ BI นี้เข้ามาเก็บข้อมูลทางระบาดวิทยา ทำให้การวิเคราะห์รวดเร็วขึ้น อย่างในเรื่องของการสอบสวนผู้ป่วย เจ้าหน้าที่แค่นำข้อมูลพื้นฐานของบุคคลใส่เข้าไปในระบบแล้วกดประมวลผลจะมีรูปแผนภูมิปรากฏขึ้นแสดงข้อมูลผู้ใกล้ชิดกับผู้ป่วยและตำแหน่งที่อยู่ ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถไปตามถึงตัวบุคคลเหล่านั้นได้ แล้วสามารถกักตัวเฝ้าดูอาการได้ทันเวลา ลดโอกาสการไปสัมผัสกับผู้อื่น หากมีอาการก็สามารถรักษาได้ทันท่วงที ในแง่ของการสกัดการระบาดนั้นถือว่าเครื่องมือนี้ช่วยได้มากเลยทีเดียว ผู้เขียนเคยดูแดชบอร์ดในรายงานข่าวการติดตามบุคคลที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยโดยใช้สัญญาณมือถือติดตาม เราจะสามารถเห็นได้ชัดเลยว่าในตำแหน่งที่ผู้ป่วยอยู่ระแวกรอบๆรัศมีกี่ร้อยเมตรมีคนอยู่เป็นจำนวนเท่าไหร่และเป็นใคร!

นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มติดตามเที่ยวบิน เที่ยวขบวนรถไฟ รถเมล์ รถไฟฟ้าใต้ดิน ย้อนหลังทั่วประเทศว่ามีเที่ยวบินหรือขบวนรถไฟไหนบ้างมีผู้ป่วยเคยโดยสาร ประชาชนที่เคยใช้เครื่องมือเดินทางพวกนี้สามารถตรวจสอบได้ทันทีว่า เที่ยวบินหรือขบวนรถไฟที่ตัวเองนั่งในวันที่ตรวจสอบมีผู้ป่วยเดินทางมาด้วยหรือไม่ อีกทั้งประชาชนทั่วประเทศยังสามารถตรวจสอบบริเวณหมู่บ้านและที่พักอาศัยตัวเองได้ว่ามีผู้ป่วยพักอาศัยอยู่โดยรอบหรือไม่ หากว่ามีก็สามารถแสดงได้อีกว่ามีอยู่กี่คน ห่างไกลแค่ไหน

นอกจากในแง่ของการใช้ Big data และ AI เข้ามาช่วยในการป้องกันเฝ้าระวังไวรัสโควิดแล้ว ผู้เขียนเห็นว่ารัฐบาลจีนให้ความสำคัญด้านชีวิต ความเป็นอยู่และจิตใจของประชาชนชาวอู่ฮั่นเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นแหล่งระบาดหนักและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้รับผลกระทบอย่างหนัก

“กราฟฟิก Baidu Big Data” แสดงความสนใจของชาวอู่ฮั่นในสถานการณ์ไวรัสโควิด -19 ระบาด
Baidu Big Data ได้เผยรายงานคำสืบค้น (key word) ต่างๆที่ชาวอู่ฮั่นค้นหาในอินเทอร์เน็ต (ดูภาพกราฟฟิก Baidu Big Data) จากกรณีนี้สามารถสะท้อนชีวิตความเป็นอยู่และความต้องการของชาวเมืองอู่ฮั่นได้เป็นอย่างดี สิ่งที่คนอู่ฮั่นให้ความสนใจมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่

22 เปอร์เซ็นต์ สนใจกับเรื่องความช่วยเหลือทางการแพทย์,

20 เปอร์เซ็น สนใจเรื่องของอุปกรณ์การป้องกันเชื้อไวรัส,

17เปอร์เซ็นต์ สนใจสถานการณ์แพร่ระบาด,

13เปอร์เซ็นต์ สนใจกับการขนส่งสินค้าโลจิสติกส์,

และ 9 เปอร์เซ็นต์ สนใจเรื่องยารักษาโรค

ที่เหลืออื่นๆเป็นคำค้นเกี่ยวกับข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน การสั่งอาหารดิลิเวอร์รี่ (delivery) การเปิดเรียน การไปทำงาน และอื่นๆ ล่าสุดก็มีตัวเลขคนอู่ฮั่นค้นหาคำว่า ทำอาหารและทำเค้กเพิ่มมากขึ้นถึง 10 เท่าและนำโด่งกว่าพื้นที่อื่นๆ การค้นหาการออกกำลังกายในบ้าน โยคะในอู่ฮั่นเองก็เพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่าเช่นกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น