ดร.ร่มฉัตร จันทรานุกุล
ตั้งแต่ก่อนตรุษจีนจนถึงช่วงนี้ในประเทศจีนและทั่วโลกกำลังจับตาและระแวดระวังกับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังระบาด อู่ฮั่นคือแหล่งเริ่มระบาดของโรคและแพร่กระจายไปในพื้นที่ต่างๆของประเทศจีนรวมถึงในหลายประเทศ ภายใต้ความรุนแรงของการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนาอย่างรวดเร็วนี้ บอกได้ว่ารัฐบาลจีนตัดสินใจและพยายามอย่างสุดความสามารถในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดและประชาชนจีนก็ให้ความร่วมมือ ตอบรับนโยบายเป็นอย่างดี
ในยามที่ประเทศทุกข์ยากนี้ ผู้เขียนเห็นว่าประชาชนจีนรวมใจเป็นหนึ่งและไม่ท้อแท้กับการต่อสู้กับเจ้าเชื้อไวรัสวายร้ายนี้ แต่จีนไม่ได้เดียวดาย นานาประเทศก็หลั่งไหลความช่วยเหลือด้านต่างๆมาให้จากทั่วสารทิศเช่นกัน หน่วยงานต่างๆในไทยเราก็มีการบันทึกวีดีโอสั้นให้กำลังใจจีนและคนอู่ฮั่น
จากสถานการณ์การแพร่กระจายไวรัสโคโรนาที่น่าเป็นห่วงและตึงเครียดนี้ ก็มีเรื่องราวที่น่าประทับใจเกิดขึ้นมากมาย ดั่งคำกล่าวที่ว่า “一方有难,八方支援”(อ่านว่า อี ฟาง โหยว น่าน, ปา ฟาง จือ หยวน)หมายถึง ฝ่ายหนึ่งประสบอุปสรรค ความช่วยเหลือมาจากทุกสารทิศ จีนเห็นว่าการที่จะสู้โรคระบาดนี้ให้ชนะได้ต้องมาจากความร่วมมือของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เป็นแค่หน้าที่และความรับผิดชอบของคนใดคนหนึ่ง หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเท่านั้น ในบทความนี้ผู้เขียนอยากจะแชร์เรื่องราวดีๆที่น่าประทับใจต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์คับขันนี้
ย้อนกลับไปดูประมาณปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญจีนด้านโรคทางเดินหายใจที่คนจีนทั้งประเทศให้การยอมรับออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้ติดต่อจาก“คนสู่คนได้”แต่ในขณะนั้นคนทั้งประเทศเริ่มที่จะหลั่งไหลเดินทางกลับบ้านเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนแล้ว ในตอนนั้นคนในอู่ฮั่นก็เดินทางออกจากอู่ฮั่นแล้วไม่น้อย จนถึงวันที่ 23 มกราคม รัฐบาลจีนประกาศปิดเมืองอู่ฮั่น เพื่อตัดการเดินทางของผู้คน มีเป้าหมายเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาด หลังจากนั้นไม่นานก็ปิดเมืองต่างๆเพิ่มเติมในมณฑลหูเป่ย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการกระจายการระบาดของโรคสูง
จีนในพื้นที่อื่นๆได้ระดมคณะแพทย์และพยาบาลเข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่ที่มีการระบาดหนัก สิ่งของที่จำเป็นที่ใช้ในการแพทย์หลั่งไหลเข้าไปที่อู่ฮั่น เช่น หน้ากากอนามัย ยาฆ่าเชื้อ ชุดป้องกัน หมวกอนามัยเป็นสิ่งของที่ใช้ครั้งเดียวและทิ้งทำให้มีความต้องการที่สูงมากในแต่ละวัน การระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาอย่างรวดเร็วทำให้กำลังการผลิตที่มีอยู่ไม่เพียงพอ กอปรกับโรงงานบางแห่งยังไม่ฟื้นฟูการผลิต 100% จึงเกิดปรากฎการณ์ชาวจีนกว้านซื้อสิ่งของทางการแพทย์เหล่านี้ในต่างประเทศและบริจาคให้แก่โรงพยาบาลต่างๆในอู่ฮั่นและเมืองอื่นๆที่ได้รับผลกระทบรุนแรง
ในระหว่างวันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา 13 มณฑล ส่งทีมแพทย์และพยาบาลทั้งหมด 6,200 คนเข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่อู่ฮั่น ถือเป็นทีมแพทย์ชุดใหญ่ชุดที่สองที่เข้าไป ซึ่งก่อนหน้านี้มีหน่วยแพทย์จากกองทัพเข้าไปจำนวนหนึ่งแล้ว จนถึงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ มีแพทย์และพยาบาลจากต่างท้องที่เข้าไปยังมณฑลหูเป่ยแล้วทั้งหมด 19,800 คน แพทย์และพยาบาลส่วนใหญ่เต็มใจและบางส่วนเสนอตัวเองที่จะเข้าไปปฎิบัติหน้าที่ หลายคนรู้ว่าเป็นภารกิจที่เสี่ยงแต่เพื่อการช่วยเหลือสังคม ประชาชนและประเทศชาติ ในยามคับขันนี้ทุกคนใจเป็นหนึ่งและมีความแน่วแน่ว่าจะต้องชนะ งานนี้ทำให้สังคมจีนโฟกัสและให้ความสำคัญกับกลุ่มคนทำงานที่เสียสละเพื่อส่วนรวม ที่ออกไปเป็นแนวหน้าทำงานอย่างหนักเพื่อรับใช้สังคม ไม่ว่าจะแพทย์ พยาบาล ทหาร ตำรวจ คนงานก่อสร้าง เจ้าหน้าที่รัฐ คนส่งอาหารส่งพัสดุ คนขับรถบรรทุก พนักงานทำความสะอาด อาสาสมัครจำนวนมากและคนทำงานในแนวหน้าอื่นๆที่ไม่ได้กล่าวถึง หลายคนยืนหยัดที่จะปฎิบัติหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดไม่ละเลยหน้าที่ในยามจำเป็นนี้
ไม่ว่าจะยากดีมีจนสายน้ำใจของประชาชนจีนไปถึงคนทำงานในแนวหน้านี้มีอยู่ไม่ขาดสาย สื่อจีนและประชาชนทั่วประเทศเริ่มเผยแพร่และแชร์เรื่องราวที่น่าประทับใจต่างๆ เพื่อให้กำลังใจและขอบคุณคนเหล่านี้ เช่น เรื่องราวของเกษตรกรในพื้นที่อู่ฮั่นรายหนึ่งได้นำผักที่สวนตนเองมีอยู่ทั้งหมดใส่ลัง 24 ลัง ขี่รถซาเล้ง 40 กิโลเมตรไปถึงโรงพยาบาลที่อยู่ตัวเมืองอู่ฮั่น เกษตรกรรายนี้ใช้ GPSไม่เป็นได้แต่ถามทางชาวบ้านไปเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วเมื่อถึงหน้าโรงพยาบาลก็แจ้งให้เจ้าหน้าที่ช่วยเอาผักที่บรรทุกทั้งหมดลงพร้อมกล่าวว่า “ผักสดๆที่มีอยู่ในสวนทั้งหมดนี้ เอามาส่งให้กับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล แพทย์และพยาบาลเพื่อใช้เป็นอาหาร ขอให้รับไว้ ไม่เอาเงิน” เป็นที่น่าตื้นตันกับผู้พบเห็นอย่างมากเพราะในภาวะเช่นนี้ หากเกษตรกรเอาผักตัวเองออกไปขายคงได้เงินอยู่ไม่น้อยเพราะราคาของผัก ผลไม้ที่ราคาสูงจากการขาดตลาด แต่เกษตรกรรายนี้ยอมที่จะเสียสละและช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถของตัวเอง เมื่อถามถึงชื่อนามสกุล เกษตรกรรายนี้ก็ขอสงวนนามไม่ขอเปิดเผย
ในช่วงเวลานี้การรับประทานอาหารของหน่วยแพทย์และพยาบาลเป็นเรื่องใหญ่และเป็นอุปสรรคอย่างมากหากจะไปซื้อกินข้างนอก ร้านอาหารส่วนมากก็ไม่เปิดให้บริการ ในสถานการณ์ที่การดำเนินชีวิตของประชาชนไม่เป็นปกตินี้ มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังทำหน้าที่บริการประชาชน อย่างขันแข็ง เอาเป็นว่ายุ่งกันมือเป็นระวิง นั่นคือคนส่งอาหาร เนื่องจากการสั่งซื้อสิ่งของเครื่องใช้จำเป็น ข้าวสารอาหารแห้งของประชาชนบนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆมากขึ้นเป็นเท่าตัว คนเหล่านี้เสี่ยงชีวิตและเสียสละอย่างมาก หากไม่มีพวกเขาเหล่านี้ยืนหยัดทำงานเป็นแนวหน้า การใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนอาจจะยุ่งยากขึ้นไปอีก
เรื่องราวต่อมาก็เกี่ยวกับคนส่งอาหาร มีโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในอู่ฮั่น หมอแผนกโรคระบบทางเดินหายใจได้สั่งอาหารออนไลน์โดยมีโน๊ตทิ้งไว้ว่า“หากว่าไม่กล้าขึ้นมาส่งอาหารขอให้โทรศัพท์บอกล่วงหน้าจะลงไปยืนรอที่หน้าโรงพยาบาล”สุดท้ายแล้วคนส่งอาหารนำอาหารขึ้นมาส่งให้คุณหมอถึงที่ และในถุงอาหารมีโน๊ตจากเจ้าของร้านอาหารเขียนถึงคุณหมอว่า “ขอขอบคุณที่ยืนหยัดอยู่กับประชาชน ผมขอเพิ่มกับข้าวให้ฟรีสองอย่าง สู้ๆ”หมอได้ถ่ายรูปโน๊ตจากเจ้าของร้านอาหารและภาพของคนส่งอาหารที่ขึ้นมาส่งอาหารให้ถึงมือ พร้อมกล่าวว่า ขอบคุณทุกคนที่เอื้ออาทร เป็นเรื่องราวประทับใจที่น่าจดจำ
ไม่ใช่แค่หน่วยแพทย์และพยาบาลเท่านั้นที่ประชาชนใจดีเต็มใจและพร้อมใจยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ตำรวจจราจรก็ทำงานหนักเช่นกันและต้องเป็นผู้ทำงานในกลุ่มแนวหน้า
เรื่องราวประทับใจต่อมาคือ มีผู้ชายท่านหนึ่งขับรถไปจอดข้างทางในเขตทางด่วนที่มีตำรวจจราจรประจำการอยู่ ผู้ชายท่านนี้ลงมาจากรถเปิดท้ายกระโปรงและเรียกให้เจ้าหน้าที่มาช่วยยกลังลง พร้อมบอกว่า “หน้ากากอนามัยพวกนี้ให้พวกคุณใช้ ผมแบกกลับมาเองจากตุรกี”ตำรวจตอนแรกทำอะไรไม่ถูก ก็ถามผู้ชายท่านนี้ไปว่า “คุณชื่อว่าอะไร”คำตอบที่ได้รับคือ“ไม่ต้องถามชื่อผมหรอก ผมคือคนจีน”หลังจากนั้นผู้ชายปริศนาท่านนี้ก็ขับรถออกไป ตำรวจจราจรต่างปลื้มใจที่ได้รับน้ำใจจากประชาชนที่ห่วงใย
เรื่องราวต่อมาเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นสถานีรถไฟฟ้า ชายปริศนาคนหนึ่งขี่รถสามล้อซึ่งข้างหลังบรรทุกแอลกฮอล์ 250 กิโลกรัมไปส่งให้เจ้าหน้าที่ที่หน้าสถานีรถไฟ โดยได้บอกว่า“ให้เจ้าหน้าที่เอาไว้ใช้ฆ่าเชื้อประจำวัน ผมมีอยู่เท่านี้ขอมอบให้ทั้งหมด”หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ที่รับมอบต่างโค้งคำนับขอบคุณในน้ำใจของชายรายนี้ ซึ่งตัวเขาเองก็ขอสงวนชื่อและนามสกุล
เรื่องประทับใจสุดท้ายคือที่สถานีรถไฟฟ้าแผนกขายตั๋ว มีชายปริศนาท่านหนึ่งมาที่แผนกขายตั๋วติดๆกันสองวันพร้อมยื่นหน้ากากอนามัยเข้าไปให้พนักงานขายตั๋วทุกช่อง พนักงานขายตั๋วที่กำลังปฎิบัติงานอยู่นั้นรับหน้ากากแล้ว ยังกล่าวขอบคุณไม่ทัน ชายผู้นั้นเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เรื่องราวประทับใจที่ผู้เขียนหยิบยกมาเล่าสู่กันฟังนี้เป็นแค่เสี้ยวเล็กน้อยเท่านั้น มีเรื่องราวดีๆมากมายเกิดขึ้นที่นี่ และทุกๆวัน กำลังใจและความเอื้ออาทรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ การต่อสู้กับโรคระบาดไม่ใช่ภารกิจของคนใดคนหนึ่งแต่เป็นภารกิจสำคัญของทุกคนในสังคม ที่ต้องร่วมมือรับผิดชอบและต่อสู้ให้ก้าวข้ามผ่านอุปสรรคนี้ไปให้ได้
ผู้เขียนยืนหยัดอยู่ที่ปักกิ่ง ยังคงทำงานรับใช้หน่วยงานจีน หวังว่าโรคระบาดนี้จะสามารถยุติโดยเร็ว ไม่มีโรคร้ายและความเสียหายอีกต่อไปเพื่อทุกคนกลับมายิ้มแย้มแจ่มใสดั่งเดิม สุดท้ายอยากจะทิ้งคำกล่าวที่ว่า“中国必胜,中国加油,武汉加油”(อ่านว่า จงกั๋วปี้ เซิ่ง, จงกั๋วจยาโหยว อู่ฮั่นจยาโหยว )แปลตรงตัวได้ว่า จีนต้องชนะ จีนสู้ๆ อู่ฮั่นสู้ๆ