xs
xsm
sm
md
lg

New China Insights : คนจีนยุคใหม่กับชีวิตที่ต้องสู้

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพกราฟฟิกจากสื่อจีน: แสดงคนรุ่นใหม่นักบริโภคที่แบกหนี้บัตรเครดิตหัวโต
ดร.ร่มฉัตร จันทรานุกูล

หากเรามองจีนยุคใหม่จากที่เห็นจากสื่อหรือนักท่องเที่ยวจีนที่ไปเที่ยวหรืออาศัยในเมืองไทยและเมืองต่างๆทั่วโลก อาจคิดว่าคนจีนนั้นร่ำรวยมีเงินเยอะมากๆ วันนี้ผู้เขียนจะเล่าสู่กันฟังว่ากลุ่มคนจีนที่ใช้เงินมือเติบในต่างประเทศนั้นเป็นแค่คนส่วนน้อยของประเทศเท่านั้น แต่เราต้องยอมรับว่าจีนเปิดประเทศมา 40 กว่าปีนั้นการเติบโตพัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว รายได้ของประชาชนต่อหัวจากอันดับท้ายๆของโลกขึ้นมาเป็นประเทศที่ประชากรมีรายได้ชั้นกลาง ตามการจัดอันดับรายได้ต่อหัวของแต่ละประเทศโดยธนาคารโลก จีนอยู่ในอันดับที่ 68 รายได้ต่อหัว เท่ากับ 9,608 ดอลล่าร์สหรัฐ วันนี้จะเล่าให้ฟังถึงชีวิตอีกด้านหนึ่งของคนจีนในยุคปัจจุบันส่วนใหญ่ที่ยังคงต้องปากกัดตีนถีบ

การดำรงชีวิตของคนจีนในยุคปัจจุบันโดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่าง ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น ยังคงต้องปากกัดตีนถีบ ถึงแม้รัฐบาลจีนกำลังพยายามพัฒนาชนบทเพื่อแก้ปัญหารวยกระจุกจนกระจาย แต่คนจีนวัยทำงานจำนวนมากยังคงหลั่งไหลเข้าไปทำงานตามเมืองใหญ่เนื่องจากสามารถเข้าถึงทรัพยากรด้านต่างๆได้ดีกว่าเขตชนบท รายได้ดีกว่า เป็นต้น คนจีนวัยแรงงานจำนวนมากออกมาทำงานข้างนอกโดยทิ้งลูกและคนชราไว้ที่บ้านในชนบท

การทำงานในเมืองใหญ่อย่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ หากว่าไม่มีบ้านเป็นของตัวเองอยู่เป็นทุนเดิมนั้นบอกได้เลยว่าจะยากลำบากมาก เนื่องจากต้นทุนการดำรงชีวิตที่สูงลิบ โดยเฉพาะค่าเช่าบ้านที่อาจจะกินรายได้ไปกว่าครึ่ง ถึงแม้ว่ารายได้มากกว่าอยู่ชนบทก็ตาม แต่รายจ่ายด้านต่างๆก็สูงตามไปด้วยเช่นกัน

คนจีนวัยแรงงานยุคนี้ไม่เหมือนยุคก่อนๆ การทำงานต้องหางานเอง รัฐบาลไม่ได้จัดสรรให้ ต้องเก็บเงินซื้อบ้านเอง หากครอบครัวมีพื้นฐานดีหน่อยมีมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษอาจจะไม่ต้องซื้อบ้านเอง การหางานในปัจจุบันก็ไม่ใช่ว่ามาตรฐานเงินเดือนจะสูงเหมือนกับประเทศพัฒนาแล้ว ยกตัวอย่างเช่นในเมืองหลวงปักกิ่ง ผู้จบปริญญาตรีเรียนจบทำงานใหม่ไม่มีประสบการณ์ เงินเดือนจะอยู่ระหว่าง 5,000-6,000 หยวน หักภาษีและประกันสังคมแล้วตกถึงมือไม่ถึง 5,000-6,000 หยวน ในกรณีผู้อาศัยในปักกิ่งที่ไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง ต้องเช่าบ้านรวมค่าน้ำค่าไฟ และค่าอินเทอร์เน็ตต่ำๆ ตกราว 1,500-2,000 กว่าหยวน ที่เหลือ 2,000-3,000 กว่าหยวนเป็นค่าใช้จ่ายอาหารการกิน ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ รายได้ระดับนี้ในปักกิ่งหากไม่มีบ้านของตัวเองถือว่าต่ำเลยทีเดียว ในแต่ละเดือนแทบไม่มีเงินเหลือไปทำอย่างอื่นเลย ไม่ต้องพูดถึงการซื้อบ้าน ปัจจุบันราคาบ้านในปักกิ่งเฉลี่ยตารางเมตรละ 7,0000 หยวน เงินดาวน์ของการซื้อบ้านอยู่ที่ 30-40% การหาเงินมาดาวน์บ้านเป็นเงินก้อนโตทีเดียว คนจีนยุคใหม่ที่เข้ามาทำงานในปักกิ่งและต้องการซื้อบ้านส่วนใหญ่ต้องได้เงินสนับสนุนจากพ่อแม่ญาติพี่น้องถึงจะมีกำลังซื้อได้

ปัญหาต่อมาที่เกิดขึ้นคือคนรุ่นใหม่เป็นหนี้มากเกินไปและมีเงินเก็บกันน้อยมาก จากข้อมูลตัวเลขของธนาคาร HSBC ระบุว่าคนจีนวัยทำงานที่เกิดในยุคทศวรรษที่ 1990 มีเงินเก็บต่อคน/เดือน เฉลี่ย 1,389 หยวนในขณะที่มีหนี้เฉลี่ยต่อคน/เดือน 12,0000 หยวน เนื่องจากค่านิยมคนยุคใหม่ที่ซื้อๆๆ มีรสนิยมการใช้ชีวิตที่หรูหรา การเป็นลูกคนเดียวของบ้าน ถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจ คนรุ่นใหม่ยุคนี้จึงใช้บัตรเครดิตหรือการกู้เงินแพลตฟอร์มออนไลน์มาจับจ่ายใช้สอยกันมาก

ทุกวันนี้การที่คนจีนรุ่นใหม่ทุกคนมีหนี้บัตรเครดิตเป็นเรื่องปกติ ตามข้อมูลสถิติยังระบุเพิ่มเติมว่า กลุ่มคนจีนยุคใหม่ที่อายุน้อยกว่า 35 ปีนั้น 56 เปอร์เซ็นต์ยังไม่มีเงินเก็บ และกลุ่มที่เริ่มออมเงิน 44 เปอร์เซ็นต์ เก็บเงินเฉลี่ยเดือนละ 1,300 หยวนเท่านั้น

ในกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ของจีนมีฮิตคือ“月光族”(อ่านว่า เย่ว์กวงจู๋) คำนี้ถ้าแปลตามหน้าศัพท์คือ “กลุ่มแสงจันทร์” ได้กลายเป็นสำนวนฮิตของคนรุ่นใหม่จีนหมายถึงกลุ่มคนที่ใช้เงินจนหมดเกลี้ยงทุกเดือนไม่เหลือเก็บ และคำฮิตที่ตามมาอีกคำคือ “月欠族”(อ่านว่า เย่ว์เชี่ยนจู๋) หมายถึงกลุ่มคนที่ต้องใช้เงินคืนธนาคารทุกเดือน จริงๆแล้วทั้งสองคำเป็นคำเรียกเสียดสีแต่สะท้อนอะไรได้หลายอย่างว่า คนจีนยุคใหม่กำลังเข้าสู่ยุคของการใช้เงินอนาคตหรือที่ภาษาจีนเรียกว่า “超前消费” (อ่านว่าเชา เฉียน เซียว เฟ่ย) ต่างจากคนยุคก่อนที่นิยมเก็บเงินออมเงิน

Alipay มีบริการ “ฮวาเปย”(花呗)เป็นบริการสำหรับผู้ใช้ Alipay ที่มีเครดิตดีสามารถยืมเงินออกมาใช้ได้ก่อน โดยเงินที่ปล่อยให้กู้นั้นก็ไม่ถือว่าวงเงินสูงมาก ประมาณไม่เกิน 30,000 หยวน ทั้งนี้วงเงินที่ปล่อยให้ยืมขึ้นอยู่กับคะแนนเครดิตของผู้ใช้งานด้วย วัยรุ่นและคนทำงานรุ่นใหม่นิยมยืมเงินจากฮวาเปยเพื่อเอาออกมาใช้ก่อนในชีวิตประจำวัน พอถึงเวลาแล้วค่อยคืนเพราะการหักเงินใช้จ่ายก็ผ่านการสแกน QR code ใน Alipay จากสถิติของทางการจีนคนวัยทำงานที่เกิดหลังทศวรรษ 1990 มีจำนวน 170 ล้านคน ในจำนวนนี้ 45 ล้านคนเปิดใช้บริการฮวาเปย เท่ากับว่าในทุกๆ 4 คนจะมี 1 คนที่ใช้บริการนี้

ภาพกราฟฟิกแสดงสัดส่วนของคนรุ่นใหม่วัยต่างๆที่ใช้ยืมเงินจากฮวาเปยสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายหลักในชีวิต
จากภาพกราฟฟิกข้างบน (ภาพกราฟฟิกที่ 2) คำโปรยภาษาจีน แปลว่า คนที่เกิดหลัง 1990 มี 40% ที่ใช้บริการฮวาเปยเพื่อการใช้จ่ายหลัก ได้แก่ การใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ซื้อของที่ตัวเองชอบ ซื้อเครื่องสำอางค์ จ่ายค่าเช่าบ้าน เป็นต้น และภาพแสดงสัดส่วนกลุ่มคนรุ่นใหม่จีนที่กู้เงินฮวาเปยมาใช้ ได้แก่ กลุ่มคนที่เกิดหลังปี 1990 ใช้บริการยืมเงินจากฮวาเปยมากที่สุด เท่ากับ 37.4% รองมาคือกลุ่มคนที่เกิดก่อนปี 1985 มี 27.8% และกลุ่มคนที่เกิดหลังปี 1985 มีสัดส่วน 24.9%

บริการฮวาเปยมีลักษณะเด่นคือออกวงเงินให้ยืมได้ง่ายกว่าบัตรเครดิต ไม่ยุ่งยากเพราะอยู่ในแอพAlipay อยู่แล้วใช้งานง่าย เงื่อนไขการชำระเงินคืนก็ตามกำหนดรอบเดือน หากจ่ายคืนตามกำหนดก็ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย อีกมุมหนึ่งของการใช้เงินอนาคตของคนรุ่นใหม่ก็เพราะการชักหน้าไม่ถึงหลัง ต้นทุนการใช้ชีวิตในปัจจุบันที่สูงขึ้น กอปรกับความต้องการของคนที่มีอยู่ไม่สิ้นสุด

ในด้านสภาพแวดล้อมในที่ทำงานของคนจีนในปัจจุบันต้องบอกว่า แข่งขันกันสุดโต่งไม่ว่าจะในหน่วยงานรัฐหรือเอกชน ทุกคนต่างต้องตื่นตัวให้ทันกับจังหวะก้าวของสังคมรอบข้าง ต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดถึงจะยืนหยัดอยู่ในสังคมได้ หากอยากจะประสบความสำเร็จก็ต้องพยายามมากกว่าคนอื่นหลายเท่า เนื่องจากโอกาสการจะประสบความสำเร็จในยุคปัจจุบันนั้นยากกว่าในยุคก่อนๆ

ผู้ใหญ่ชาวจีนท่านหนึ่งที่ผู้เขียนให้ความเคารพเคยเล่าให้ฟังว่า จีนในปัจจุบันนี้อย่ามองแค่เปลือก อย่าคิดว่าคนจีนจำนวนมากมีเงินร่ำรวยกันแล้ว ยกตัวอย่างในปักกิ่ง กลุ่มคนเงินเดือน 10,000 หยวนขึ้นไป มีจำนวนน้อยนิดเท่านั้น พร้อมทั้งแชร์บทความชิ้นหนึ่งมาให้ผู้เขียนอ่าน เกี่ยวกับมาตราฐานชีวิตของคนจีนทั่วไป สรุปได้ว่ากลุ่มคนจีนที่มีเงินเดือน 6,000 หยวนขึ้นไป มีอยู่ไม่เกิน 20% ของประชากรทั้งประเทศ อีกทั้งคนจีนในปัจจุบันที่มีพาสปอร์ตมีเพียงประมาณ 5% ของคนจีนทั้งประเทศที่มีอยู่ประมาณ 1,400 ล้านคน หมายความว่าคนจีนส่วนใหญ่ยังไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศเลย

ทั้งนี้ทั้งนั้นประเทศจีนและประชากรจีนมีความหวังและปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะพยายามก้าวไปในจุดที่ดีขึ้นดังการประกาศจุดมุ่งหมายของประเทศในด้านต่างๆทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รัฐบาลจีนเองก็มีการดำเนินการตามแบบแผนพัฒนาอย่างเคร่งครัด คนจีนไม่ค่อยย่อท้อกับอุปสรรคและขยันขันแข็ง คนจีนทั้งประเทศและตัวผู้เขียนเองในฐานะที่อยู่ประเทศจีนมานานก็มีความเชื่อว่าจีนพรุ่งนี้จะดีกว่าวันนี้แน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น