ไชน่าเดลี / MGR Online - เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้มีการจัดงานอุตสาหกรรมบิ๊กดาต้าระหว่างประเทศ ในเมืองกุ้ยหยาง มณฑลกุ้ยโจว ซึ่งมีความคืบหน้าอันน่าสนใจเกี่ยวกับการนำบิ๊กดาต้ามาใช้ในการบริหารจัดการ ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล
หยัง จี่หลิน ชาวหมู่บ้านซานเปา เขตถงจื่อ มณฑลกุ้ยโจว ยืนอยู่หน้าเครื่องกลอันทันสมัยบนชั้นสามของอาคารสำนักงานหมู่บ้าน พิมพ์ชื่อของตน เพื่อตรวจสอบว่า รัฐบาลได้โอนเงินอุดหนุนที่จัดสรรให้เขาหรือยัง
"ในอดีต เราไม่รู้ว่าเงินอุดหนุนจากรัฐบาลนั้น จัดสรรให้เราเวลาไหน และอย่างไร" หยัง วัย 53 ปี กล่าว และว่า "แต่ตอนนี้ ระบบข้อมูล บิ๊กดาต้าทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างโปร่งใส ติดตามได้"
หยัง เป็นชาวหมู่บ้านซานเปา เขตถงจื่อ หมู่บ้านที่ซุกตัวอยู่ในหุบเขา มณฑลกุ้ยโจว ที่ซึ่งรู้จักกันเพียงว่าเป็นพื้นที่ยากจน อยู่ในโครงการจัดสรรเงินอุดหนุน ตามนโยบายปลดเปลื้องบรรเทาความยากจน ให้ประชากร 10 ล้านคนของรัฐบาลกลาง ในปี 2016 - 2020 เพื่อมุ่งสู่สังคมฐานะระดับปานกลาง
เพื่อให้แน่ใจว่าเงินอุดหนุนคนยากจน มีการกระจายอย่างถูกต้อง ไม่ถูกเบียดบัง โดยเจ้าหน้าที่รัฐ เกาะกินเงินหลวง รัฐบาลท้องถิ่นถงจื่อ ได้ปรับปรุงนำระบบแพลตฟอร์มข้อมูลซึ่งสามารถเป็นที่พึ่งพา ตรวจสอบ ติดตาม กำกับดูแลการกระจายและบริหารจัดการเงินอุดนุนคนยากจน โดยมีระบบเตือนภัยกองทุนเงินอุดหนุนนี้ เพื่อส่ง-รับข้อมูลคำเสนอแนะ และข้อเรียกร้องของประชาชน
"ด้วยระบบแพลตฟอร์มนี้ ผมสามารถตรวจสอบการจัดสรรเงินอุดหนุนของฉันได้ตลอดเวลาที่ต้องการ" หยัง กล่าว
จีนกำลังส่งเสริมการพัฒนาฐานข้อมูลขนาดใหญ่ หรือที่เรียกว่า บิ๊กดาต้า Big Data อันเป็นเทคโนโลยีประมวลข้อมูลต่างๆ ที่สามารถนำมาวิเคราะห์ได้ ด้วยวิธีการหลากหลาย ขึ้นอยู่กับว่าต้องการนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้งานด้านไหน โดยมีการนำร่องใช้ระบบปฏิบัติการฐานข้อมูลขนาดใหญ่แห่งแรก เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการของรัฐบาล มณฑลกุ้ยโจว ก่อนที่จะถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในการบริหารประสิทธิภาพการทำงานทั้งของรัฐบาล ธุรกิจ และชีวิตประจำวันของผู้คนในวงกว้าง
"บิ๊กดาต้า หรือเทคโนโยลีการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ จะช่วยทำให้การจัดสรรเงินอุดหนุนบรรเทาความยากจน ไปยังเป้าหมายอย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น" โจว ซิง ผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตร และเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานบรรเทาความยากจนประจำกุ้ยโจว กล่าว
กุ้ยโจวเริ่มใช้ บิ๊กดาต้า ในโครงการบรรเทาความยากจนมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 เมื่อพัฒนาแพลตฟอร์คอมพิวเตอร์คลาวด์ โดยใช้ในการติดตามการบริหารจัดการการเงินประชาชน 6 ล้านคน จาก 9,000 หมู่บ้าน และยังติดตามประเมินความคืบหน้าในการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน 1.23 ล้านคน ซึ่งได้รับความช่วยเหลือในปีก่อนหน้า
โจว ซิง กล่าวว่า ก่อนที่จะนำบิ๊กดาต้ามาใช้นั้น การบริหารจัดการเงินอุดหนุนเป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพ เพราะข้อมูลประชากรหมู่บ้านเขียนด้วยลายมือ และส่งเก็บที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น มีความตกหล่น ผิดพลาดและเป็นช่องทางทุจริตโดยง่าย อีกทั้งการกรอกเอกสารซ้ำซ้อนด้วยลายมือยังเป็นการทำงานที่ใช้เวลามาก
ด้วยบิ๊กดาต้า การจัดการข้อมูลจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถติดตามการบริหารได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบข้อมูลในหมู่บ้านเพื่อป้องกันการทุจริต
บิ๊กดาต้าเริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการบริหารงานของรัฐบาลท้องถิ่น มณฑลหูเป่ย หูหนาน และเสฉวน เช่นเดียวกับเขตปกครองตนเองก่วงซีจ้วง เช่นเมื่อปีที่แล้ว (2559) บิ๊กดาต้า ช่วยให้รัฐบาลท้องถิ่น มณฑลหูเป่ย สามารถตรวจพบเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ยักยอกเงินประชาชน และยึดเงินรัฐคืนได้ราว 2.3 ล้านหยวน
เจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่น มณฑลหูเป่ยคนหนึ่งบอกว่า การกำกับดูแลอันเข้มงวด เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้แน่ใจว่าการทำงานบรรเทาความยากจน จะเป็นไปอย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพ
ความสำเร็จของกิจการต่างๆ ที่นำบิ๊กดาต้ามาใช้นี้ ยังมีอีกมหาศาล ทั้งในด้านการบริหาร การตัดสินใจ ตลอดจนถึงติดตามตรวจสอบด้วย “ข้อมูล” และ “เทคโนโลยี” โดยตัวอย่างของบริษัทเจริญเติบโตเพราะบิ๊กดาต้า มีอาทิ กูเกิล, อเมซอน, เฟซบุ๊ก, เน็ตฟลิกซ์ ขณะที่ของจีน ก็คือ อาลีบาบา, ไอบีเอ็ม, หัวเว่ย, “จิงตง” หรือเว็บไซต์เจดี ดอทคอม (Jd.com) ซึ่งล้วนวิเคราะห์ตัดสินใจจากฐานข้อมูล และความซับซ้อนของข้อมูลยิ่งมากเท่าใด ยิ่งสามารถสร้างประสิทธิภาพความแม่นยำในการวิเคราะห์คาดการณ์ มากขึ้นทวีคูณ
ทั้งนี้ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศจีน (Ministry of Industry and Information Technology (MIIT))ยังได้จัดการประชุมสุดยอดบิ๊กดาต้า 2017 ที่กรุงปักกิ่งด้วย
การประชุมครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่ออธิบายแผนอุตสาหกรรมไอทีโครงการพัฒนาบิ๊กดาต้าของจีนในวาระปี พ.ศ.2559-2563 ซึ่ง MIIT ตั้งเป้าให้เป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของจีน ฉบับที่13 (ปี2559-2563) สร้างรายได้ให้ภาคสินค้าและบริการกว่า 1 ล้านล้านหยวน ในปี พ.ศ. 2563