กลุ่มสื่อจีนรายงาน (31 ต.ค.) 101 ประเทศทั่วโลกหันมาใช้เงินหยวนในการชำระเงินในการค้าระหว่างประเทศมากขึ้น สะท้อนความเชื่อมั่นเงินสัญชาติมังกรหลังเข้าร่วมในตะกร้าสกุลเงินเอสดีอาร์ของไอเอ็มเอฟ
วันพฤหัสบดี (27 ต.ค.) สมาคมสื่อสารการเงินระหว่างธนาคารนานาชาติ (Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunications : SWIFT) ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เผยข้อมูลว่า 101 ประเทศทั่วโลกได้เริ่มใช้เงินสกุลหยวนในการชำระเงินมากขึ้น โดยคิดเป็นจำนวน 12.9 เปอร์เซ็นต์ของยอดการทำธุรกรรมทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ราว 2 เปอร์เซ็นต์
ข้อมูลล่าสุดระบุว่า ในเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา นานาประเทศได้ใช้สกุลเงินหยวนในการชำระเงิน คิดเป็นจำนวน 2.03 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าการชำระทั้งหมดทั่วโลก สูงกว่าเดือน ส.ค. ซึ่งมีจำนวน 1.86 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ในปัจจุบัน ยังมีประเทศต่างๆจำนวน 57 ประเทศ ได้ชำระหนี้โดยใช้เงินหยวน เป็นเงินมูลค่ามากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ของมูลค่าทั้งหมดในการทำธุรกรรมไปยังประเทศจีน
ทั้งนี้ กระแสดังกล่าวเป็นการสะท้อนความเชื่อมั่นที่มีต่อสกุลเงินหยวน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่สกุลเงินหยวนของจีน ได้เข้าร่วมในตะกร้าสกุลเงิน เอสดีอาร์ (Special Drawing Rights basket) ของไอเอ็มเอฟ เมื่อต้นเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา
วีนา ฉวง (Vina Cheung) หัวหน้าส่วนระดับโลกของกระบวนการแปรให้เงินหยวนกลายเป็นเงินตราระหว่างประเทศ (global head of RMB Internationalization) ณ ธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) ให้ความเห็นว่า การที่เงินหยวนเข้าร่วมในตะกร้าสกุลเงินเอสดีอาร์ของไอเอ็มเอฟ เป็นการยืนยันว่าเงินหยวนได้ก้าวเข้าสู่การเป็นสกุลเงินระดับโลก และจะเป็นตัวเร่งการเติบโตทางการค้าและการลงทุนในประเทศจีน
เฮเลนา หวง เศรษฐกรชาวจีนประจำธนาคาร ICBC Standard Bank ในกรุงลอนดอน กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวได้แสดงให้เห็นขอบเขตการใช้เงินหยวนในการทำธุรกรรมซื้อขาย ซึ่งขยายจากวิสาหกิจระดับใหญ่ของจีนไปสู่หุ้นส่วนที่มีขนาดเล็กลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาบริษัทในประเทศตลาดเกิดใหม่ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าประเทศเหล่านั้นกำลังเปิดโอกาสให้เงินหยวนเข้ามามีบทบาท แทนที่เงินสกุลดอลล่าร์
รายงานระบุว่า นอกจากการเติบโตในแง่ของการเป็นสื่อกลางชำระเงินในการซื้อขายระหว่างประเทศแล้ว เงินหยวนยังเริ่มเป็นที่นิยมสำหรับนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นด้านการแลกเปลี่ยนเงินตรา การออกพันธบัตร และกิจกรรมทางตลาดอื่นๆ