เซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์ รายงาน (14 มิ.ย.) อ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่อาวุโสกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ว่าจีนควรทำการแก้ไขอันจำเป็นกับช่องโหว่ปัญหาหนี้สินเชื่อที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงข้อบกพร่องในตลาดการเงิน
เดวิด ลิปตัน รองผู้อำนวยการ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลกลางจีนปล่อยอิสระค่าเงินหยวนให้มากขึ้น และเตือนว่าการลงประชามติ “เบร็กซิต” (Brexit) หรืออังกฤษถอนตัวออกจากอียู ซึ่งกำลังจะมีขึ้นในวันที่ 23 มิถุนายน ในสหราชอาณาจักร จะนำมาซึ่งความไม่แน่นอนในวงกว้างต่อเศรษฐกิจทั่วโลกที่อ่อนแออยู่แล้ว
เดวิด ลิปตัน ได้แสดงความคิดเห็นฯ กับผู้สื่อข่าวหลังการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงในการตรวจงบกองทุนเศรษฐกิจของประเทศในสัปดาห์นี้ ซึ่งประเด็นหลักของการอภิปรายฯ อยู่ที่นโยบายอันจำเป็นสำหนับการปรับสมดุลเศรษฐกิจจีน และมาตรการเร่งด่วนที่จำเป็นสำหรับการปฏิรูปฯ
"เราเห็นความก้าวหน้าอย่างมีนัยยะสำคัญในการเปลี่ยนจากภาคอุตสาหกรรมผลิตเป็นภาคบริการ แต่ไม่มีความคืบหน้าในปัญหาหนี้สินเชื่อ" ลิปตัน กล่าวและว่า แม้มีการเปิดเสรีตลาดการเงิน แต่ในการกำกับดูแลยังน้อยอยู่ และยังมีการแข็งขืนในส่วนงบประมาณขององค์กรวิสาหกิจที่รัฐเป็นเจ้าของ
"ความอ่อนไหวยังคงปรากฏและเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ยากในการจัดการรับแรงกระแทกจากปัญหา จึงเรียกร้องให้ดำเนินงานปฏิรูปอย่างเร่งด่วน" ลิปตัน กล่าว
จากประมาณการพบว่า จีนมีภาระหนี้จำนวนมหาศาลซุกอยู่ในหน่วยงานต่างๆ ซึ่งจะเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ขึ้นกับความมั่นคงทางการเงินและเศรษฐกิจของประเทศ โดยความกังวลดังกล่าวเป็นเหตุให้สถาบันจัดอันดับความเชื่อถือทางการเงิน 2 สถาบัน คือสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ และมูดี้ ได้ลดอันดับฯ จีนไปเมื่อก่อนหน้านี้
ลิปตัน คาดว่าการเติบโตเศรษฐกิจจีนในปี 2017 น่าจะอยู่ที่ร้อยละ 6 และเรียกร้องให้รัฐบาลกระชับการปล่อยงบประมาณโดยเฉพาะอย่างยิ่งในองค์กรของรัฐ ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ควรชะลอการสร้างหนี้ พร้อมกับใช้มาตรการภาษีเพื่อป้องกันเศรษฐกิจ
ลิปตัน กล่าวกับผู้สื่อข่าวฯ ว่า อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน มีความยืดหยุ่นและเป็นไปตามกลไกตลาดมากขึ้น และขอเป็นกำลังใจให้จีนประสบความสำเร็จในการปล่อยลอยตัวเงินหยวนในไม่กี่ปีข้างหน้านี้
ทั้งนี้ การลงประชามติกรณีสหราชอาณาจักรจะออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ในวันที่ 23 มิถุนายนนี้ จะทำให้เกิดความไม่แน่นอนในการค้า การเงิน และการจัดการอื่นๆ ระหว่างสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป ซึ่งจะมีผลกระทบวงกว้างรวมถึงเอเชีย
"ยังเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ผลกระทบจากกรณี แน่นอนว่าเป็นปัจจัยลบกับเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น และมาในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกค่อนข้างอ่อนแอ ฟื้นตัวช้า" เดวิด ลิปตัน รองผู้อำนวยการ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ กล่าว