ซั่งไห่อิสต์ สื่อจีนรายงาน - วันจันทร์ (6 มิ.ย.) นิตยสารฟอร์บส์ เผยการจัดอันดับ “100 สตรีผู้ทรงอิทธิพลของโลก” ประจำปี 2559 โดยมีหญิงจีน 8 คน ติดอันดับฯ ได้แก่ หญิงจีนแผ่นดินใหญ่ 4 คน และหญิงชาวฮ่องกง 4 คน
“ลูซี่ เผิง เหล่ย” วัย 43 ปี ผู้ร่วมก่อตั้ง “อาลีบาบา กรุ๊ป” และนั่งตำแหน่ง ซีอีโอ แอนท์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส (Ant Financial Services) บริษัทในเครืออาลีบาบา ติดอันดับที่ 35 ในทำเนียบ “100 สตรีผู้ทรงอิทธิพลของโลก” ของนิตยสารฟอร์บส์ ร่วงลงไปจากลำดับที่ 33 ในปีที่แล้ว (2558)
เผิงได้รับการจัดอันดับให้เป็นสตรีเหล็กผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในจีน เป็นสตรีที่ร่ำรวยที่สุดอันดับสามในวงการเทคโนโลยีโลก ด้วยทรัพย์สินส่วนตัว 1.2 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือราว 40,000 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ลูซี่เคยดำรงตำแหน่งซีอีโอ อาลีเพย์ (Alipay) เป็นบริการการชำระเงินที่ใหญ่ที่สุดของจีน นอกจากนี้เธอยังรับตำแหน่งประธานบริหารทรัพยากรบุคคลของอาลีบาบากรุ๊ปนานนับสิบปีอีกด้วย
“มาร์กาเร็ต ชาน” วัย 68 ปี แพทย์หญิงผู้มากความสามารถจากฮ่องกง ติดอันดับที่ 38 ในทำเนียบ “100 สตรีผู้ทรงอิทธิพลของโลก” ของนิตยสารฟอร์บส์ กระโดดขึ้นมาจากลำดับที่ 62 ในปีที่แล้ว (2558) ชานดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกตั้งแต่ปี 2549 โดยมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้นำการต่อต้านโรคระบาดต่างๆ เช่น โรคอีโบลา โรคไข้หวัดนก
“โพลีแอนนา จู” ชาวฮ่องกงวัย 58 ปี ประธานผู้บริหารบริษัทคิงส์ตัน ซีเคียวริตี้ (Kingston Securities) บริษัทหลักทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของฮ่องกง ติดอันดับที่ 42 ของทำเนียบฯ เธอครอบครองทรัพย์สินรวมราว 4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.5 แสนล้านบาท
“เผิง ลี่หยวน” สตรีหมายเลขหนึ่งของจีน ศรีภรรยาของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ติดอันดับที่ 58 ของทำเนียบฯ กระโดดขึ้นมาจากลำดับที่ 68 ในปีที่แล้ว (2558) เผิงเป็นพลตรีแห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีน อดีตนักร้องเพลงปลุกใจรักชาติประจำกองทัพ และได้รับแต่งตั้งเป็นทูตพิเศษขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) เมื่อปี 2557 นอกจากนี้ยังเป็นนักรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์
“โจว ฉวินเฟย” ชาวฮ่องกงวัย 46 ปี ผู้ก่อตั้ง “เลนส์ เทคโนโลยี” บริษัทผู้ผลิตหน้าจอระบบสัมผัสสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แนวหน้าของโลก ติดอันดับที่ 61 ของทำเนียบฯ เธอครอบครองทรัพย์สินรวมราว 8.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2.9 แสนล้านบาท โดยเธอได้รับการยกย่องให้เป็นสตรีผู้สร้างฐานะขึ้นมาด้วยตนเองที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
“ต่ง หมิงจู” วัย 62 ปี ประธานผู้บริหารบริษัทกรี อิเลคทริค (Gree Electric) ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศ และเครื่องใช้ภายในบ้านสมัยใหม่ของจีน ติดอันดับที่ 63 ของทำเนียบฯ โดยหนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์ (The New York Times) ได้ยกย่องให้เธอเป็นนักธุรกิจหญิงที่แกร่งที่สุดในจีน
“หวัง เฟิงอิ๋ง” ประธานผู้บริหารบริษัทเกรต วอลล์ มอเตอร์ (Great Wall Motor Co.) ผู้ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของจีน ติดอันดับที่ 69 ของทำเนียบฯ
“โซลิน่า โจว” นักธุรกิจหญิงชาวฮ่องกง ติดอันดับที่ 81 ของทำเนียบฯ ร่วงลงไปจากลำดับที่ 78 ในปีที่แล้ว (2558)โจวเป็นหุ้นส่วนใน Cheung Kong Group ของลีกาชิง และเป็นผู้จัดการมูลนิธิลีกาชิง (Likashing Foundation) ซึ่งเป็นกองทุนเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมด้านการศึกษา การแพทย์ วัฒนธรรมตลอดจนงานสาธารณกุศลต่างๆ
นอกจากนี้ “ไช่ อิงเหวิน” หญิงเชื้อสายจีนวัย 59 ปี ประธานาธิบดีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ไต้หวันก็ ติดอันดับที่ 17 ของทำเนียบฯอีกด้วย ส่วน “จาง ซิน” มหาเศรษฐีนี ซีอีโอ บริษัทโซโห ไชน่า (Soho China) และ “เหยา เฉิน” ผู้ได้รับฉายานา “ราชินีเวยปั๋ว” (สื่อสังคมออนไลน์จีนคล้ายทวิตเตอร์) ซึ่งเคยติดโผในลำดับที่ 69 และ 82 ในปีที่แล้ว (2558) ต่างตกทำเนียบหญิงทรงอิทธิพลฯในปีนี้
สำหรับสตรีผู้ทรงอิทธิพลของโลกสามอันดับแรก ได้แก่ อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ยังคงครองอันดับ 1 เป็นสมัยที่ 6 ติดต่อกัน ตามติดมาด้วย ฮิลลารี คลินตัน อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 และอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งยังคงรักษาอันดับที่ 2 มาตั้งแต่ปีที่แล้ว และอันดับที่ 3 ตามมาด้วย เจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งกระโดดขึ้นมาจากลำดับที่ 4 ในปีที่แล้ว (2558)