เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - ชายชาวนาในภาคกลางของจีน หลงเข้าใจผิดว่า ตนเองป่วยด้วยโรคเอดส์อยู่นานเกือบ 10 ปี มีสภาพชีวิตจิตใจย่ำแย่ ถูกครอบครัวอัปเปหิ ไร้ที่ยืนในสังคม ต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส กระทั่งมารู้ทีหลังว่า ผลการตรวจผิดพลาด
นาย หยัง โซ่วฟา วัย 53 ปี เปิดเผยกับ ThePaper.cn ว่า ชีวิตเขาหงายตึง ในทันทีที่ศูนย์ควบคุมโรคเขตเจิ้นผิงแจ้งว่า เขาป่วยโรคเอดส์เมื่อกลางปี 2547
ในเมืองจีนนั้น การป่วยโรคเอดส์และการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีถือเป็นตราบาปร้ายแรง
หลังทราบว่าสามีเป็นโรคร้าย ภรรยาของนายหยังก็ยื่นฟ้องหย่า พร้อมกับหอบลูก 3 คน ย้ายไปอยู่ที่อื่น แถมเพื่อนบ้านยังพากันขับไล่เขาออกจากหมู่บ้าน ทำให้เขารู้สึกว่า ชีวิตในเวลานั้นเหมือนตนเองเป็นนักโทษรอวันประหาร
ชายผู้นี้มิได้เข้ารับการตรวจวินิจฉัยโรคเป็นครั้งที่ 2 เพื่อความแน่ใจ แต่เขาเริ่มกินยา เพื่อควบคุมโรค โดยนายหยังเข้าใจว่า ตนเองติดเชื้อจากการขายโลหิตในตลาดมืดเมื่อปี 2535
ทว่าทั้งที่กินยาตามแพทย์สั่งทุกประการแล้ว อาการกลับแย่ลง โดยเขามีอาการหนาวสั่น ปวดไมเกรน มีเสียงดังในหู ตาพร่า และสูญเสียความทรงจำ กระทั่งต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลในปี 2555 และแพทย์ต้องประหลาดใจ เพราะไม่พบร่องรอยการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี หรือ โรคเอดส์ แต่กลับพบโรคอื่น ๆ หลายโรคแทน เช่น หลอดอาหารและถุงน้ำดีอักเสบ เลือดออกจากแผลในช่องท้อง และต่อมลูกหมากโต
พอได้ทราบเท่านั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า นายหยังจะรู้สึกโกรธแค้นมากมายสักแค่ไหน
ดังนั้น เมื่อเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา เขาจึงยื่นฟ้องเรียกค่าชดเชยจากศูนย์ควบคุมโรคเขตเจิ้นผิง โทษฐานวินิจฉัยโรคผิดเป็นเงินจำนวน 1 แสนหยวน ( ราว 5 แสนบาท) แต่อีก 2 เดือนต่อมา เพิ่มเป็น 2 แสน 5 หมื่นหยวน ( ราว 1 ล้าน 2 แสน 5 หมื่นบาท)
ถึงอย่างไร เขากล่าวว่า เงินจำนวนนี้ไม่สามารถชดเชยความสูญเสีย ที่เกิดขึ้นในชีวิตได้เลย
ทุกวันนี้ นายหยังมีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ ดื่มเหล้าจัด ไม่สนใจคำเตือนของแพทย์ เอาแต่คร่ำครวญถึงสิ่งที่สูญเสียไปในอดีตและสิ้นหวังในอนาคต
เขากล่าวว่า แต่ก่อนนั้น ตนเองรู้สึกเหมือนคนที่กำลังรอคอยมฤตยู แต่ตอนนี้ ถึงแม้หลุดพ้นจาก “คำพิพากษา” แล้ว แต่ชีวิตก็ยังคงติดอยู่ตรงปากเหวระหว่างความเป็นความตาย ไปไหนไม่ได้อยู่นั่นเอง