เอเจนซี--หนังสือพิมพ์ประชาชนจีน หรือ พีเพิล เดลี่ ส่งสัญญาณผู้นำจีนเล็งเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านเศรษฐกิจครั้งใหญ่ โบกมือลาการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยหนี้สิน
หนังสือพิมพ์ประชาชนจีน ซึ่งเป็นกระบอกเสียงพรรคคอมมิวนิสต์จีน เผยแพร่บทความเมื่อวันจันทร์ (9 พ.ค.) โดยอ้างอิง “แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ผู้ไม่เผยตัวตน” ระบุว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเพิ่มแรงงัดให้เศรษฐกิจดีดตัวขึ้น โดยใช้เงินกู้มาอัดฉีดการลงทุน (Leverage) ดังที่ผ่านมานั้น เสมือน “การปลูกต้นไม้ในอากาศ” มีแต่จะทำให้อัตราภาระหนี้ (Leverage Ratio) สูงขึ้นๆ และเกิดวิกฤตการเงินในที่สุด
รายงานฯระบุว่า การเติบโตเศรษฐกิจเข้าสู่วงโคจรรูปตัวแอล (L-shaped trajectory) ในช่วง 2-3 ปี มานี้ และการคาดการณ์เศรษฐกิจมังกรซึ่งใหญ่อันดับสองของโลกจะการฟื้นตัวนั้น ดูไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง
บทความของหนังสือพิมพ์ประชาชน เป็นการแถลงจุดยืนนโยบายว่า จีนจะหยุดอัดฉีดสินเชื่อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะยิ่งอัดฉีดฯเข้าไป ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยง” เถา ตง (Tao Dong) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ non-¬Japan Asia ของ เครดิต สวิส (Credit Suisse) ในฮ่องกง กล่าว
ทั้งนี้ จีนได้ทุ่มเทสินเชื่อก้อนมหึมาเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในไตรมาสแรกของปี ส่งผลให้ราคาในภาคอสังหาริมทรัพย์และสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) ดีดตัวสูงขึ้น ขณะที่เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ อาทิ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไม่เดินหน้า
เนื้อหาในบทความฯดังกล่าว คัดค้านนโยบายเศรษฐกิจหลายชุดที่นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ได้ผลักดันมาออก รวมทั้งมาตรการดันราคาหุ้นเพื่อแก้ปัญหาภาวะชะลอตัว การขยายอัตราภาระหนี้สิน เพื่อประคับประคองให้การเติบโตเดินหน้าต่อไป
Jonathan Fenby กรรมการผู้จัดการของทีมจีนของบริษัทที่ปรึกษา Trusted Sources ในกรุงลอนดอน เผยว่า แหล่งข่าวที่ไม่เผยนามของหนังสือพิมพ์ประชาชน “จะต้องมาจากหน่วยที่รับผิดชอบกิจการการเงินและเศรษฐกิจของพรรคฯ และผมก็เดาว่าจะต้องเป็น หลิว เหอ หรือไม่ก็กลุ่มที่ใกล้ชิดกับสี จิ้นผิง”
ทั้งนี้ หลิวเป็นมือขวาด้านเศรษฐกิจของสี เป็นผู้ที่คุมงานรายวันของกลุ่มฯ
ในบทความของกระบอกเสียงพรรคฯ ยังระบุความคิดเห็นที่ขัดแย้งกับการแถลงของรัฐบาลในช่วงก่อนหน้า
โดย “แหล่งข่าวที่ไม่เผยนาม” กล่าวโจมตีการประกาศฉลอง “การเริ่มต้นที่ดีแห่งปี 2016” (ของรัฐบาล) แต่ปัญหาหลายด้านที่กำลังหยั่งรากลึกในระบบเศรษฐกิจจีน ไม่ได้คลี่คลาย และเป็นเรื่อง “ยาก” ที่จะมาใช้แนวคิดแบบง่ายๆ อย่างเช่น “การเริ่มต้นที่ดี” มาอธิบายสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศ
จีนต้องแสดงความมุ่งมั่น ที่จะปฏิรูปโครงสร้าง และสัญญาณใดๆที่ส่อถึงการหันไปใช้วิธีการเก่าๆในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็มีแต่จะทำให้ตลาด “วิตก ลังเล และสับสน”
บทความแสดงความคิดเห็นชิ้นนี้ ทำให้หุ้นในตลาดเซี่ยงไฮ้เมื่อวันจันทร์ (9 พ.ค.) ร่วงไป 2.8 เปอร์เซ็นต์
โซรอส ชี้เศรษฐกิจจีนอยู่ในสภาพคล้ายสหรัฐฯก่อนเกิดภาวะถดถอยโลก
เมื่อเดือนที่แล้ว นาย จอร์จ โซรอส อภิมหาเศรษฐี ผู้มีฉายา “พ่อมดการเงินโลก” ออกมาบอกว่า เศรษฐกิจจีน ที่กำลังขับเคลื่อนไปด้วยหนี้สินนั้น มีสภาพคล้ายกับเศรษฐกิจสหรัฐฯในปี 2007-08 ก่อนเกิดภาวะถดถอยที่สะเทือนไปทั่วโลก
โซรอสกล่าวที่สถาบันเอเชียโซไซตี (Asia Society) ในนิวยอร์กเมื่อราวกลางเดือนเม.ย. ที่ผ่านมาว่า ชี้ว่าอัตราขยายตัวของสินเชื่อจีนเดือนมี.ค. สูง ถึง 2.34 ล้านล้านหยวน โดยสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด 67 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นสัญญาณเตือนภัยแล้ว
“สถานการณ์เศรษฐกิจจีนคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯระหว่างวิกฤตการเงิน 2007-08 ซึ่งกระพือขึ้นมาจากอัตราขยายตัวของสินเชื่อ เงินที่บรรดาธนาคารปล่อยออกมาเกือบทั้งหมดนั้น ต้องเอาไปอุดหนี้เน่า และต่อลมหายใจแก่กลุ่มบริษัทที่ขาดทุนย่อยยับ
ระบบธนาคารจีน มีหนี้สินมากกว่าเงินฝาก” โซรอส ว่า