xs
xsm
sm
md
lg

เบื้องหลังการเดินสายเยือนต่างประเทศของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ขณะตรวจพลสวนสนามในกรุงปักกิ่งครบรอบ 70 ปีสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติเมื่อเดือนก.ย. พ.ศ. 2558 - รอยเตอร์
เอพี - ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน มีสถิติการเดินทางไปเยือนต่างประเทศไม่แพ้ผู้นำชาติมหาอำนาจอื่นๆ ซึ่งมีนัยสำคัญในสายตาของบรรดานักวิเคราะห์

ประธานาธิบดี บารัก โอบาม่า ของสหรัฐฯ เดินทางเยือนต่างประเทศมาแล้ว 11 ชาติ ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย 14 ชาติ ขณะที่ประธานาธิบดีฟรองซัว ออลองด์ ของฝรั่งเศสไม่ต่ำกว่า 50 ชาติ

ส่วนผู้นำแดนมังกรนั้น เขาเดินทางไปเยือนต่างประเทศ รวมแล้ว 14 ชาติเฉพาะในปีพ.ศ. 2558 นอกจากติดอันดับต้นๆ ของนักเดินทางรอบโลกด้านการเมืองแล้ว ประธานาธิบดีสี ยังเป็นผู้นำจีนที่เดินทางไปเมืองนอกมากที่สุด นับตั้งแต่พรรคคอมมิวนิสต์ปกครองจีนเมื่อปีพ.ศ. 2492

นี่มิใช่คำกล่าวที่เกินจริง เมื่อย้อนกลับไปดูสมัยของประธานาธิบดี หู จิ่นเทา ผู้นำคนก่อน ซึ่งไปเยือนแค่ 7 ชาติในระหว่าง 10 ปีที่เป็นผู้นำ ขณะที่หลังจากเข้ารับตำแหน่งในปีพ.ศ. 2555 ประธานาธิบดีสีได้ไปมากว่า 30 ชาติ

เฉพาะในปีก่อน ประธานาธิบดีสีได้ไปเยือนปากีสถาน อินโดนีเชีย คาซักสถาน รัสเซีย เบลารุส สหรัฐฯ สหราชอาณาจัรก เวียดนาม สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ตุรกี ฝรั่งเศส ซิมบั๊บเว่ และแอฟริกาใต้

นายเซี่ย เถา อาจารย์สอนวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ประจำมหาวิทยาลัยการต่างประเทศศึกษาปักกิ่ง ระบุว่า ประธานาธิบดีสีเป็นประธานาธิบดี ที่ดำเนินนโยบายต่างประเทศ ซึ่งสร้างความโดดเด่นให้ต้องจับตามอง เพราะนอกจากการลงนามข้อตกลงทางธุรกิจแล้ว ผู้นำจีนคนนี้ยังต้องการมีอิทธิพลทางการเมืองในต่างแดนมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ประธานาธิบดีสีอาจใช้การดำเนินนโยบายต่างประเทศเบี่ยงเบนความสนใจของผู้คนจากปัญหาเศรษฐกิจจีน ที่กำลังซบเซาจนน่าเป็นห่วง โดยเศรษฐกิจจีนโตเพียงร้อยละ 7.3 ในปีที่แล้ว ซึ่งชะลอการเติบโตมากที่สุด นับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2533 เป็นต้นมา

"เมื่อเศรษฐกิจจีนชะลอการขยายตัว ประธานาธิบดีสีและพรรคคอมมิวนิสต์จึงต้องแสดงให้ชาวจีนเห็นว่าจีนกำลังมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในต่างประเทศ" นายวิลลี่ แลม ผู้เชี่ยวชาญด้านโยบายต่างประเทศของรัฐบาลปักกิ่ง ประจำมหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกงกล่าว

นายแลมไม่เชื่อว่า จะเกิดสงคราม ที่สู้รบกันจริงๆ ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ในอนาคตอันใกล้่ แต่การแข่งขันระหว่างสองชาติจะดุเดือดรุนแรงมากขึ้นอย่างแน่นอน

ความมุ่งมั่นที่จะขยายอิทธิพลของจีนในต่างประเทศของประธานาธิบดีสี มีหลักฐานยืนยันหลายประการ เช่นการจัดตั้งสถาบันระหว่างประเทศ แข่งกับชาติตะวันตก เช่นการริเริ่มก่อตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งนอกเหนือจากการพึ่งพาธนาคารโลก ซึ่งชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ ต่างเข้าร่วมเป็นชาติสมาชิกผู้ก่อตั้ง หรือการริเริ่มโครงการ One Belt One Road ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนา เพื่อเชื่อมเส้นทางการค้าระหว่างเอเชียกับยุโรป

ทว่าในขณะเดียวกันจีนก็แสดงความก้าวร้าวกรณีข้อพิพาทหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ และทะเลจีนตะวันออก ทำให้เกิดความตึงเครียดอย่างหนักกับชาติเพื่อนบ้านได้แก่ ญี่ปุ่น เวียดนาม มาเลเซีย บรูไน และฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีการสร้างเกาะเทียมในหมู่เกาะสแปรตลีย์ ในน่านน้ำใกล้กับฟิลิปปินส์ ซึ่งส่งผลให้สหรัฐฯ ส่งเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถี มาป้วนเปี้ยนในรัศมี 12 ไมล์ทะเลจากหมู่เกาะดังกล่าว โดยอ้างเสรีภาพการเดินเรือในทะเลจีนใต้ ซึ่งไม่อยู่ภายใต้อธิปใตยของจีน

นอกจากนั้น การสวนสนามครั้งใหญ่ของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนในโอกาสครบรอบ 70 ปีที่สงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติและจีนสามารถขับไล่กองทัพญี่ปุ่นออกไปจากดินแดนเมื่อเดือนก.ย. ที่ผ่านมา จีนได้แสดงแสนยานุภาพ อันเกรียงไกร ของกองทัพให้พลเมืองจีนได้ตื่นตา แต่สร้างความวิตกกังวลแก่หลายชาติ

บรรดานักวิเคราะห์เห็นว่า ประธานาธิบดีสีคือผู้นำจีนที่เข้มแข็งที่สุด ภายหลังจากยุคของเหมา เจ๋อตง

นายสือ อิ่นหง อาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัยประชาชนจีนในกรุงปักกิ่งระบุว่า ทุกคนรู้ดีว่า หากต้องการติดต่อกับจีน ก็ต้องติดต่อกับประธานาธิบดีสีเท่านั้น

ในปีนี้นักวิจัยกลุ่มหนึ่งของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดรายงานว่า พบหลักฐานเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ 12 เหตุการณ์จากทั้งหมด 16 เหตุการณ์ ที่แสดงให้เห็นว่า การเผชิญหน้าระหว่างชาติที่กำลังผงาดขึ้นมามีอำนาจกับชาติมหาอำนาจอยู่ก่อนแล้ว สุดท้ายจะจบลงที่การทำสงครามกัน

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีสีเองเคยพูดถึงทฤษฎีของทูซีดิดีส ซึ่งเป็นนักรบชาวกรีกโบราณ ที่เรียกกันว่า กับดักทูซีดิดีส (Thucydides Trap) ระหว่างเยือนนครซีแอตเติ้ลของสหรัฐฯเมื่อปีก่อนว่า

"ไม่มีกับดักอย่างที่เรียกกันว่า กับดักทูซีดิดีสหรอก"

"แต่ถ้าชาติใหญ่ๆ คำนวณยุทธศาสตร์ผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ชาติเหล่านี้ก็อาจสร้างกับดักเช่นนั้นดักตัวเองได้" ประธานาธิบดีสีกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น