เอเจนซี - สำนักข่าวซินหวารายงาน (15 ส.ค.) เหตุระเบิดระลอกใหม่ จำนวน 7-8 ครั้ง บริเวณโกดังเก็บสารเคมีของเขตอุตสาหกรรมนครเทียนจิน เมื่อเวลาประมาณ 11.40 น. ตามเวลาท้องถิ่นวันนี้ โดยตำรวจสั่งอพยพประชาชนออกจากอาคารที่พักอาศัยที่ตั้งอยู่ภายในรัศมี 3 กิโลเมตรทันที
เป่ยจิง นิวส์ สื่อออนไลน์จีนระบุว่า อาสาสมัครกู้ภัยร้องตะโกนผ่านโทรโข่งบอกให้ชาวบ้านรีบออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย หลังจากเกิดเสียงระเบิดระลอกล่าสุดในพื้นที่สามจุดของโกดัง ขณะเดียวกันก็พบกลุ่มควันดำลอยโขมงขึ้นสู่ท้องฟ้าซึ่งมาจากลานจอดรถยนต์ที่กำลังถูกไฟเผาผลาญ
การระเบิดอย่างรุนแรงสองระลอกแรกซึ่งเทียบเท่ากับระเบิดทีเอ็นที 3 ตัน และ 21 ตันตามลำดับ ในเขตอุตสาหกรรมใหม่ปินไห่ เมื่อคืนวันพุธ (12 ส.ค.) กลายเป็นหายนะครั้งประวัติศาสตร์ของเทียนจิน ด้วยพลังทำลายล้างเผาทำลายทุกสิ่งที่อยู่ล้อมรอบและสร้างความเสียหายต่อหมู่อาคารสูง บ้านเรือน ถนนหนทาง ฯลฯ ในรัศมีหนึ่งกิโลเมตร
ปัจจุบันยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 85 ราย ซึ่งรวมถึงนักดับเพลิง 21 ราย และผู้บาดเจ็บ 721 คน โดยในจำนวนนี้เป็นตายเท่ากัน 25 คน และมีอาการสาหัสอีก 33 คน ขณะเดียวกันก็มีรายงานนักดับเพลิง 13 นาย และคนงานท่าเรือสูญหายไปอย่างไม่ทราบจำนวนชัดเจน
สถานีโทรทัศน์กลางแห่งชาติจีนหรือซีซีทีวีเผยเมื่อช่วงบ่ายว่า พบผู้รอดชีวิตหนึ่งรายเป็นชายวัย 40 ปีเศษ ที่ติดอยู่ข้างในตู้คอนเทนเนอร์ห่างจาก ‘แกนกลาง’ การระเบิดราว 50 เมตร และห่างจากพื้นที่ที่เปลวเพลิงยังปะทุอยู่ราว 20 เมตร ขณะนี้อยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่เพื่อรอซักถามรายละเอียดต่อไป
นอกจากนั้นมีรายงานยืนยันการค้นพบ “โซเดียม ไซนาไนด์” (sodium cyanide) สารประกอบอนินทรีย์ที่มีความอันตรายถึงชีวิตหากกลืนกินหรือสูดดมเข้าสู่ร่างกาย ทางทิศตะวันออกของจุดเกิดเหตุหลังจากทางการส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าไปตรวจสอบ
คณะกรรมาธิการด้านสุขภาพและการวางแผนครอบครัวแห่งชาติจีนแถลงผ่านเว็บไมโครบล็อคระบุ ‘คำเตือน’ ประชาชน ที่ลี้ภัยอยู่ในโรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งถูกตั้งเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวของผู้ประสบภัย เร่งอพยพออกไปเมื่อกระแสลมเปลี่ยนทิศทาง และแนะนำให้สวมใส่กางเกงขายาวรวมถึงหน้ากากอนามัยด้วย
ชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างวิตกกังวลว่าสารเคมีอันเป็นพิษร้ายแรงเหล่านี้อาจปนเปื้อนในอากาศและน้ำ โดยคนงานก่อสร้างรายหนึ่ง นายหลี่ ซู่หลัน วัย 49 ปี ตอบคำถามเกี่ยวกับคุณภาพอากาศตามความรู้สึกว่า “ผมหวั่นกลัวนิดหน่อย มันไม่ได้รู้สึกดีอะไรมากนัก อย่างที่คุณเห็นเจ้านายของเราก็สั่งให้สวมหน้ากากอนามัยไว้”
อย่างไรก็ดี เป่า จิงจิง อดีตวิศวกรของสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมท้องถิ่นบอกกับนักข่าวว่า ณ เวลานี้มลพิษทางอากาศไม่ได้อยู่ในระดับสุ่มเสี่ยงหรือเป็นอันตรายต่อผู้คนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ โดยสถานีเฝ้าติดตามคุณภาพอากาศ 17 แห่งรอบเมืองไม่ตรวจพบสารอันตรายแต่อย่างใด
ทว่าบรรดาสมาชิกครอบครัวของนักดับเพลิงที่สูญหายไประหว่างปฎิบัติหน้าที่กลับไม่พอใจและพยายามทะลวงเข้าไปงานแถลงข่าวที่เป่าชี้แจงข้อมูลอยู่ ด้วยความโกรธแค้นว่าไม่มีการกล่าวข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับบุคคลอันเป็นที่รักของพวกเขา
“เราลุยไปทุกโรงพยาบาลเพื่อค้นหาพวกเขา” หวัง เป่าซย่า ผู้ที่พี่ชายคนโตหายไปกล่าว “ไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐเต็มใจจะพบกับเรา ไม่เลยแม้แต่คนเดียว!” เหล่าญาติและคนใกล้ชิดของนักดับเพลิงกว่า 25 คน ที่พวกเขาอ้างว่าหายตัวไปบอกว่า นักดับเพลิงกลุ่มดังกล่าวเป็นพนักงานสัญญาจ้างระยะสั้น 2 ปี ที่ยังวัยรุ่นและอ่อนประสบการณ์มาก
“ไม่มีใครบอกอะไรเราเลย ไม่มีข่าวคราวอะไรทั้งนั้น” หญิงวัยกลางคนกรีดร้องออกมาขณะถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลากตัวออกจากห้องแถลงข่าว
ทั้งนี้ภายในงานแถลงข่าวซึ่งจัดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันเสาร์ (15 ส.ค.) นายเกา ไฮว้โหยว เจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยในการทำงานนครเทียนจินได้เผยรายชื่อสารเคมีที่เป็นไปได้ว่าถูกกักเก็บอยู่ในโกดังเป็นจำนวนมาก
เกาแจกแจงว่าจากข้อมูลการส่งออกขนาดใหญ่เมื่อไม่นานนี้ซึ่งกระทำผ่านโกดังแห่งดังกล่าว พบรายการของโซเดียม ไบซัลไฟต์ (sodium bisulfide), แมกนีเซียม, โซเดียม, โพแทสเซียมไนเตรตหรือดินประสิว, แอมโมเนีย ไนเตรต และโซเดียม ไซยาไนด์
“บุคลากรจากบริษัทผู้ผลิตโซเดียม ไซยาไนด์ได้ถูกเรียกตัวมาปฎิบัติภารกิจ เนื่องจากพวกเขามีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับธรรมชาติของสารเคมีและรู้วิธีจัดการกับมัน” เกากล่าว “ท่อน้ำเสียที่มีการตรวจพบสารเคมีปะปนอยู่ด้วยนั้นก็ถูกสั่งปิดกั้นทางน้ำแล้ว”
ก่อนหน้านี้สำนักข่าวพีเพิล เดลี รายงานว่า บริษัท รุ่ยไห่ โลจิสติกส์ ซึ่งเป็นเจ้าของโกดัง “ละเมิดกฎด้านความปลอดภัย” อย่างชัดเจน โดยระเบียบข้อบังคับของทางการจีนระบุว่า อาคารจัดเก็บสินค้าหรือวัตถุอันตรายต้องตั้งอยู่ห่างจากอาคารสาธารณะและถนนสายหลักอย่างน้อยหนึ่งกิโลเมตร แต่กลับพบกลุ่มอาคารที่พักอาศัยสองแห่งและถนนหลักหลายเส้นอยู่ในรัศมี
รายงานข่าวเหตุระเบิดรอบใหม่ วันที่ 15 ส.ค. 2558 (คลิปฯ ยูทิวป์/ซีซีทีวี)