กรมอนามัยเผยมีเภสัชกรร่วม “โครงการ Be sure” แล้วกว่า 500 คน เตรียมพร้อมให้คำปรึกษาคุมกำเนิดแก่วัยรุ่น ลดตั้งครรภ์ไม่พร้อม
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า โครงการ Be Sure ปรึกษาได้ มั่นใจชัวร์ ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2557 โดยให้ร้านขายยาเป็นผู้ให้ความรู้เรื่องการคุมกำเนิดอย่างถูกต้อง เพื่อลดปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยเรียน โดยจากการเก็บข้อมูลปี 2556 พบว่า ร้านขายยาเป็นแหล่งที่ผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดเข้ามาหาข้อมูลมากที่สุดกว่าร้อยละ 70 ประกอบกับประเทศไทยมีร้านขายยากระจายในเขตต่าง ๆ ทั่วประเทศเป็นจำนวนมาก ทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพจากร้านยาได้ง่าย ซึ่งที่ผ่านมา กรมอนามัยได้จัดอบรมแล้วทั้งหมด 3 รุ่น มีเภสัชกรที่ปฏิบัติหน้าที่ที่ร้านขายยาเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 500 คน ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ กทม. และจังหวัดใกล้เคียง อาทิ พระนครศรีอยุธยา สระบุรี และชลบุรี เป็นต้น
นพ.พรเทพ กล่าวว่า ปัจจุบันวัยรุ่นไทยมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น และอายุน้อยลงเรื่อย ๆ เกิดปัญหาการตั้งครรภ์ตามมา สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการไม่ได้ป้องกันร้อยละ 46 คุมกำเนิดไม่สม่ำเสมอร้อยละ 28 เหตุที่ไม่คุมกำเนิดเนื่องจากขาดความรู้ และเข้าใจผิดคิดว่าการมีเพศสัมพันธ์ครั้งเดียวอาจไม่ตั้งครรภ์ หรือหากใช้ถุงยางจะขัดขวางความรู้สึกทางเพศ นอกจากนี้ วัยรุ่นยังไม่กล้าพบเจ้าหน้าที่เพื่อขอรับบริการคุมกำเนิด ส่งผลให้วัยรุ่นส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงบริการคุมกำเนิด โดยในปี 2556 มีเด็กวัยรุ่นอายุ 10 - 19 ปี คลอดบุตรเฉลี่ยวันละ 334 คน สูงขึ้นกว่าปี 2543 ที่วัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี คลอดบุตรเฉลี่ยวันละ 240 คน โดยพบว่าหญิงตั้งครรภ์ซ้ำและคลอดอายุต่ำกว่า 20 ปี มีถึง 15,295 ราย คิดเป็นร้อยละ 12.1
“โครงการ Be Sure เป็นการผลักดันและสนับสนุนให้ร้านขายยาเป็นสื่อกลางและเป็นช่องทางหนึ่งที่ประชาชนจะเข้าถึงการบริการคุมกำเนิด ผู้ปฏิบัติงานในร้านสามารถให้ความรู้และคำแนะนำเกี่ยวกับการคุมกำเนิดได้อย่างถูกต้อง เข้าใจง่าย โดยจัดอบรมด้านให้คำปรึกษาเรื่องการวางแผนครอบครัวและการคุมกำเนิดให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในร้านขายยา และมีการจัดทำคู่มือให้การปรึกษาด้านการวางแผนครอบครัว เพื่อให้บริการความรู้การคุมกำเนิดผ่านร้านขายยยา ทั้งนี้ เภสัชกรที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถสมัครได้ที่ สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์ 02 590 4171 หรือเว็บไซต์ www.besurethailand.com” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า โครงการ Be Sure ปรึกษาได้ มั่นใจชัวร์ ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2557 โดยให้ร้านขายยาเป็นผู้ให้ความรู้เรื่องการคุมกำเนิดอย่างถูกต้อง เพื่อลดปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยเรียน โดยจากการเก็บข้อมูลปี 2556 พบว่า ร้านขายยาเป็นแหล่งที่ผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดเข้ามาหาข้อมูลมากที่สุดกว่าร้อยละ 70 ประกอบกับประเทศไทยมีร้านขายยากระจายในเขตต่าง ๆ ทั่วประเทศเป็นจำนวนมาก ทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพจากร้านยาได้ง่าย ซึ่งที่ผ่านมา กรมอนามัยได้จัดอบรมแล้วทั้งหมด 3 รุ่น มีเภสัชกรที่ปฏิบัติหน้าที่ที่ร้านขายยาเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 500 คน ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ กทม. และจังหวัดใกล้เคียง อาทิ พระนครศรีอยุธยา สระบุรี และชลบุรี เป็นต้น
นพ.พรเทพ กล่าวว่า ปัจจุบันวัยรุ่นไทยมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น และอายุน้อยลงเรื่อย ๆ เกิดปัญหาการตั้งครรภ์ตามมา สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการไม่ได้ป้องกันร้อยละ 46 คุมกำเนิดไม่สม่ำเสมอร้อยละ 28 เหตุที่ไม่คุมกำเนิดเนื่องจากขาดความรู้ และเข้าใจผิดคิดว่าการมีเพศสัมพันธ์ครั้งเดียวอาจไม่ตั้งครรภ์ หรือหากใช้ถุงยางจะขัดขวางความรู้สึกทางเพศ นอกจากนี้ วัยรุ่นยังไม่กล้าพบเจ้าหน้าที่เพื่อขอรับบริการคุมกำเนิด ส่งผลให้วัยรุ่นส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงบริการคุมกำเนิด โดยในปี 2556 มีเด็กวัยรุ่นอายุ 10 - 19 ปี คลอดบุตรเฉลี่ยวันละ 334 คน สูงขึ้นกว่าปี 2543 ที่วัยรุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี คลอดบุตรเฉลี่ยวันละ 240 คน โดยพบว่าหญิงตั้งครรภ์ซ้ำและคลอดอายุต่ำกว่า 20 ปี มีถึง 15,295 ราย คิดเป็นร้อยละ 12.1
“โครงการ Be Sure เป็นการผลักดันและสนับสนุนให้ร้านขายยาเป็นสื่อกลางและเป็นช่องทางหนึ่งที่ประชาชนจะเข้าถึงการบริการคุมกำเนิด ผู้ปฏิบัติงานในร้านสามารถให้ความรู้และคำแนะนำเกี่ยวกับการคุมกำเนิดได้อย่างถูกต้อง เข้าใจง่าย โดยจัดอบรมด้านให้คำปรึกษาเรื่องการวางแผนครอบครัวและการคุมกำเนิดให้แก่ผู้ปฏิบัติงานในร้านขายยา และมีการจัดทำคู่มือให้การปรึกษาด้านการวางแผนครอบครัว เพื่อให้บริการความรู้การคุมกำเนิดผ่านร้านขายยยา ทั้งนี้ เภสัชกรที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถสมัครได้ที่ สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์ 02 590 4171 หรือเว็บไซต์ www.besurethailand.com” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่