เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ เขาคือผู้หนึ่งที่ตั้งปณิธานเปิดช่องทางปล่อยสินเชื่อแก่ชาวจีน 500 ล้านคนได้อย่างทั่วถึง ซึ่งจะนำไปสู่การปฏิรูประบบการเงินระดับรากฐาน ( microfinance ) บนแดนมังกร ช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย และคนยากจนในชนบท ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้
นาย หวัง เจิงอี๋ว์ ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารของไชน่า แรพิด ไฟแนนซ์ ( China Rapid Finance ) หรือ ซีอาร์เอฟ ซึ่งเป็นบริษัทสินเชื่อในจีน เขามีความมุ่งมั่น ที่จะสร้าง เลนดิง คลับ (Lending Club) เวอร์ชั่นแผ่นดินใหญ่ขึ้นมา โดยลอกเลียนแบบการดำเนินกิจการของ เลนดิงคลับ ซึ่งเป็นบริษัทให้กู้ยืมเงินระหว่างบุคคลในสหรัฐฯ มีที่ทำการอยู่ในนครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย และให้เงินกู้คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าดอกเบี้ยบัตรเครดิต
“ เวลากำลังสุกงอมได้ที่สำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้วครับ” นายหวัง วัย 58 ปี กล่าว
" ผู้นำในการกำหนดนโยบายของประเทศตระหนักดีว่าผู้คนบนแผ่นดินใหญ่มีความต้องการใช้เงินมากขึ้น เราต้องการฉวยโอกาสนี้สร้างรูปแบบธุรกิจสักอย่างหนึ่ง ที่ตอบสนองความต้องการเหล่านั้นได้อย่างเหมาะเจาะ” ชายผู้มีดีกรีปริญญาเอกด้านสถิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ในสหรัฐฯ อธิบาย
บรรดาผู้นำจีนให้คำมั่นปฏิรูประบบการเงิน ซึ่งเก่าคร่ำคร่า โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ไอที ล่าสุดเข้ามาใช้และปล่อยให้อำนาจของตลาดเป็นผู้เข้ามามีบทบาทกำหนดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ภาคการเงินผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ในประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลกเบ่งบาน
นายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง ซึ่งสำเร็จการศึกษาปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์ เป็นบุคคลหนึ่ง ที่สนับสนุนระบบการให้บริการทางการเงินผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นธุรกิจแบงกิ้งโดยอาศัยไอทีและเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้บริการทางการเงิน
การประกาศนโยบายดังกล่าวทำให้เกิดความเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก โดยปัจจุบันมีผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสินเชื่อระหว่างบุคคลออนไลน์ ( P2P) มากกว่า 2,000 รายบนแผ่นดินใหญ่ แต่นายหวังเห็นว่า การให้บริการเงินกู้P2P ที่มีอยู่นี้ยังไม่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนแดนมังกร
ปัจจุบันธุรกิจสินเชื่อแบบ P2P แผ่ขยายไปทั่วแผ่นดินใหญ่ แต่ไร้ระบบกำกับตรวจสอบอย่างเหมาะสม ทำให้เกิดปัญหาหนี้เสีย โดยผู้ให้บริการแพลตฟอร์ มจะคิดอัตราดอกเบี้ยสูง ซึ่งมักอยู่ที่ร้อยละ 2 และมีลูกค้ารายใหญ่ เช่นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งขอกู้เงินครั้งหนึ่งหลายล้านหยวน
แม็กคินซีย์ ( McKinsey) บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาชั้นนำของโลกคาดการณ์ว่า ภาค P2P บนแผ่นดินใหญ่อาจเดินมาจน “ครบวงจร” แล้ว โดยพ่วงเงินกู้ค้างชำระก้อนมหาศาล แม้ว่ามีผู้ใช้บริการดิจิตอลแบงกิ้งนี้มากถึงร้อยละ 70 ก็ตาม
นายหวังเองยอมรับว่า ระบบการปล่อยสินเชื่อออนไลน์แบบนี้เป็นดาบสองคมสำหรับจีน เพราะมีแนวโน้มก่อวิกฤตการผิดนัดชำระหนี้ ทว่ามองอีกแง่หนึ่งก็อาจเป็นการเยียวยาระบบการเงินที่ขาดสมดุลในจีน ซึ่งมิได้รับใช้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ในประเทศได้อย่างน่ามหัศจรรย์เลยทีเดียว และจำเป็นต้องมีระบบควบคุมความเสี่ยงที่แข็งแกร่งมาก
นายหวังทำงานเป็นนักวิเคราะห์การเงินและผู้จัดการอาวุโสให้กับบริษัทสินเชื่อผู้บริโภคในสหรัฐฯ มาแล้วหลายราย เขาเดินทางกลับมาจีนในปี 2544 จากนั้นบริษัทซีอาร์เอฟได้ทำงานร่วมกับธนาคารสินเชื่อ ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ เช่น แบงก์ออฟไชน่า และไชน่า คอนสตรักชั่นแบงก์ในการช่วยการประเมินคุณภาพของผู้ขอบัตรเครดิต
ด้วยประสบการณ์เหล่านี้ เขามั่นใจว่าบริษัทซีอาร์เอฟมีความชำนาญในการประเมินความเสี่ยงในการอนุมัติสินเชื่อแก่ลูกค้า โดยขณะนี้ซีอาร์เอฟเปิดสาขาให้บริการใน 70 เมือง และวางแผนเปิดในอีก 30 เมืองทั่วประเทศภายในสิ้นปี 2558
นอกจากนั้น ซีอาร์เอฟยังจับมือกับบริษัทชั้นนำบนแผ่นดินใหญ่ เช่น เทนเซนต์ ( Tencent) ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ โดยเสนอบริการทางการเงินมูลค่าเพิ่มแก่ผู้ลงทะเบียนกับเทนเซนต์ โดยในขั้นแรกจะปล่อยเงินกู้วงเงินต่ำหลายร้อยหยวนแก่ผู้ซื้อสินค้า จากนั้นจึงค่อย ๆ เพิ่มวงเงินกู้ต่อไป
“ เลนดิงคลับของสหรัฐฯ ในเวอร์ชั่นจีนคือคำตอบในการช่วยปฏิรูปการเงินบนแผ่นดินใหญ่” นายหวังแสดงความเชื่อมั่น
อย่างไรก็ตาม ข้อแตกต่างสำคัญจากเลนดิงคลับของสหรัฐฯ คือเลนดิงคลับเวอร์ชั่นจีนไม่มีรายงานข้อมูลเครดิตความน่าเชื่อถือ (credit record) ของลูกค้าจำนวน 500 ล้านคน ที่มีแนวโน้มใช้บริการ และส่วนมากเป็นผู้ขอกู้ยืมหน้าใหม่ แต่นายหวังก็มั่นใจว่า บริษัทซีอาร์เอฟเอาอยู่ในการประเมินความเสี่ยง
นับตั้งแต่เดือนก.พ. ที่ผ่านมา ซีอาร์เอฟปล่อยเงินกู้ก้อนเล็กให้แก่ผู้บริโภคแล้วกว่า 1 ล้าน 5 แสนหยวน ซึ่งมากกว่าการปล่อยกู้ของผู้ให้บริการแพลตฟอร์P2P รายอื่น ๆ ทั้งหมดบนแผ่นดินใหญ่ในช่วงเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม นายหวังมองว่า ทิศทางในอนาคตของภาคการเงินจีนไม่ควรหยุดแก่การมีบริษัทให้สินเชื่อระหว่างบุคคล หรือ P2P แต่การดำเนินธุรกิจการเงินระดับรากฐานของซีอาร์เอฟในขณะนี้จะนำไปสู่การรับใช้ผู้คนทั้งหมด
ความคิดนี้สอดคล้องกับนายเฉิน จวิ่น ประธานของกรีนแลนด์ ฮ่องกง โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นสาขาของกรีนแลนด์กรุ๊ป และจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง เขาเห็นว่า P2P อาจทำประโยชน์ให้แก่ผู้ปล่อยสินเชื่อด้วยเช่นกัน โดยกรีนแลนด์เองก็อาจมีบทบาทระดมทุนผ่านทาง P2P และนำเงินนี้มาแปรเปลี่ยนเป็นการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่มีคุณภาพได้อีกด้วย