นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจ มาร์ท (JMART) เปิดเผยว่า ล่าสุด บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นสามัญ บมจ.ซิงเกอร์ ประเทศไทย (SINGER) จาก SINGER (THAILAND ) B.V. จำนวน 67,499,900 หุ้น หรือ 24.99% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด 270,000,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 14.00 บาท คิดเป็นมูลค่า 944,998,600 บาท
การเข้าซื้อหุ้น SINGER ในครั้งนี้บริษัทจะชำระค่าหุ้นเป็นเงินสด ซึ่งเงินดังกล่าวมาจากเงินทุนหมุนเวียน และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน เพื่อกระจายการลงทุนไปในธุรกิจที่มีศักยภาพ โดย SINGER ดำเนินธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และให้บริการเช่าซื้อ ซึ่งสาขาของ SINGER กระจายอยู่ครอบคลุมทั่วประเทศ และความหลากหลายของกลุ่มลูกค้าจะช่วยส่งเสริม และสร้างการเติบโตของรายได้ที่มั่นคงให้แก่เจมาร์ท กรุ๊ป ทั้งธุรกิจโทรศัพท์มือถือ ธุรกิจติดตามหนี้สิน และธุรกิจให้เช่าพื้นที่ และท้ายที่สุดจะช่วยสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในระยะยาว
“การเข้าซื้อหุ้น SINGER แน่นอนว่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ JMART และ SINGER ในเรื่องช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า และฐานลูกค้าที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ต่างจังหวัด จากปกติ JMART มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์เสริมต่างๆ อยู่ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงหัวเมืองใหญ่ในจังหวัดสำคัญ นอกจากนี้ SINGER มีธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อส่วนบุคคลผ่านบริษัทย่อย คือ บริษัท ซิงเกอร์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด จะยิ่งสนับสนุนให้ JMT ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัทฯ รุกธุรกิจการปล่อยสินเชื่อ และนาโนไฟแนนซ์ให้แข็งแกร่งมากขึ้นอีกด้วย” นายอดิศักดิ์ กล่าว
นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าจะไม่มีการซื้อหุ้น SINGER เพิ่ม เนื่องจากไม่ต้องการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (เทนเดอร์ ออฟเฟอร์) รวมถึงจะไม่มีการเปลี่ยนโครงสร้างผู้บริหาร โดยจะยังคงให้ทีมบริหารของ SINGER ทำหน้าที่ต่อไป พร้อมกันนั้น JMART ยังคงแสวงหาโอกาสทางธุรกิจเพิ่มด้วยการลงทุนในกิจการที่สามารถ Synergy พร้อมทั้งเอื้อประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะได้ข้อสรุปอีก 1 ดีล
ทั้งนี้ จากการเข้าซื้อหุ้น SINGER ในช่วงที่ผ่านมา คาดว่าจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งภายหลังการประชุมร่วมกันของฝ่ายบริหารเพื่อวางแผนการดำเนินงานร่วมกันจะมีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้น
สำหรับภาพรวมตลาดโทรศัพท์มือถือในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ยังทรงตัวจากปลายปีที่แล้ว ตามภาพรวมเศรษฐกิจ และการบริโภคในประเทศ แต่มองว่าในช่วงครึ่งปีหลังตลาดจะคึกคักมากขึ้น จากโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ และสมาร์ทโฟน ที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง อีกทั้งธุรกิจบริหารหนี้ของ JMT ซึ่งเป็นบริษัทย่อยมีแนวโน้มเติบโตสูง โดยทั้งปีคาดว่ารายได้จะเติบโตจากปีก่อนประมาณ 10%
การเข้าซื้อหุ้น SINGER ในครั้งนี้บริษัทจะชำระค่าหุ้นเป็นเงินสด ซึ่งเงินดังกล่าวมาจากเงินทุนหมุนเวียน และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน เพื่อกระจายการลงทุนไปในธุรกิจที่มีศักยภาพ โดย SINGER ดำเนินธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และให้บริการเช่าซื้อ ซึ่งสาขาของ SINGER กระจายอยู่ครอบคลุมทั่วประเทศ และความหลากหลายของกลุ่มลูกค้าจะช่วยส่งเสริม และสร้างการเติบโตของรายได้ที่มั่นคงให้แก่เจมาร์ท กรุ๊ป ทั้งธุรกิจโทรศัพท์มือถือ ธุรกิจติดตามหนี้สิน และธุรกิจให้เช่าพื้นที่ และท้ายที่สุดจะช่วยสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในระยะยาว
“การเข้าซื้อหุ้น SINGER แน่นอนว่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ JMART และ SINGER ในเรื่องช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า และฐานลูกค้าที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ต่างจังหวัด จากปกติ JMART มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์เสริมต่างๆ อยู่ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงหัวเมืองใหญ่ในจังหวัดสำคัญ นอกจากนี้ SINGER มีธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อส่วนบุคคลผ่านบริษัทย่อย คือ บริษัท ซิงเกอร์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด จะยิ่งสนับสนุนให้ JMT ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัทฯ รุกธุรกิจการปล่อยสินเชื่อ และนาโนไฟแนนซ์ให้แข็งแกร่งมากขึ้นอีกด้วย” นายอดิศักดิ์ กล่าว
นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าจะไม่มีการซื้อหุ้น SINGER เพิ่ม เนื่องจากไม่ต้องการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (เทนเดอร์ ออฟเฟอร์) รวมถึงจะไม่มีการเปลี่ยนโครงสร้างผู้บริหาร โดยจะยังคงให้ทีมบริหารของ SINGER ทำหน้าที่ต่อไป พร้อมกันนั้น JMART ยังคงแสวงหาโอกาสทางธุรกิจเพิ่มด้วยการลงทุนในกิจการที่สามารถ Synergy พร้อมทั้งเอื้อประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะได้ข้อสรุปอีก 1 ดีล
ทั้งนี้ จากการเข้าซื้อหุ้น SINGER ในช่วงที่ผ่านมา คาดว่าจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งภายหลังการประชุมร่วมกันของฝ่ายบริหารเพื่อวางแผนการดำเนินงานร่วมกันจะมีความชัดเจนเพิ่มมากขึ้น
สำหรับภาพรวมตลาดโทรศัพท์มือถือในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ยังทรงตัวจากปลายปีที่แล้ว ตามภาพรวมเศรษฐกิจ และการบริโภคในประเทศ แต่มองว่าในช่วงครึ่งปีหลังตลาดจะคึกคักมากขึ้น จากโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ๆ และสมาร์ทโฟน ที่คาดว่าจะออกสู่ตลาดมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง อีกทั้งธุรกิจบริหารหนี้ของ JMT ซึ่งเป็นบริษัทย่อยมีแนวโน้มเติบโตสูง โดยทั้งปีคาดว่ารายได้จะเติบโตจากปีก่อนประมาณ 10%