ASTVผู้จัดการ – Under the Dome สารคดีเกี่ยวกับมลพิษทางอากาศ จากฝีมืออดีตนักข่าว-ผู้ดำเนินรายการซีซีทีวีที่ลาออกเพราะลูกสาวเป็นเนื้องอกตั้งแต่แรกเกิด ดึงผู้ชมนับล้านภายในเวลาแค่ 24 ชั่วโมง ชี้คนจีนกำลังต่อสู้กับศัตรูที่มองไม่เห็น
ไฉ จิ้ง : หนูเคยเห็นดวงดาวจริงๆ ไหม?
เด็ก : ไม่เคยเห็น
ไฉ จิ้ง : หนูเคยเห็นท้องฟ้าสีน้ำเงินครามไหม?
เด็ก : เคยเห็นนิดๆ หน่อยๆ
ไฉ จิ้ง : หนูเคยเห็นเมฆสีขาวไหม?
เด็ก : ไม่เคย ...
นี่เป็นคำให้สัมภาษณ์ของหนูน้อยวัย 6 ขวบนาม หวัง ฮุ่ยชิง ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในมณฑลซานซี กับ “ไฉ จิ้ง (柴静)” พิธีกรสาวของสถานีโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (ซีซีทีวี) เมื่อปี 2547
เพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมง สารคดี “ภายใต้โดม หรือ Under the Dome (穹顶之下)” ความยาว 103 นาที ของไฉ จิ้ง อดีตพิธีกรและผู้ดำเนินรายการหญิงของซีซีทีวีก็มีผู้เข้าชมนับล้านครั้ง จากเนื้อหาเกี่ยวกับมลภาวะที่กำลังกลายเป็นปัญหาหนักอกของชาวจีนทั่วประเทศ
ปีที่แล้วไฉ จิ้ง ลาออกจากงานเพื่อมาดูแลบุตรสาว ซึ่งถูกตรวจพบว่ามีเนื้องอก ตั้งแต่อยู่ในท้องและต้องเข้ารับการผ่าตัดตั้งแต่แรกเกิด
“วินาทีที่ได้ยินเสียงหัวใจของเธอเต้นเป็นครั้งแรก ฉันก็ไม่มีความคาดหวังอะไร นอกจากขอให้เธอแข็งแรงก็พอ แต่ทว่า เธอถูกตรวจพบว่ามีเนื้องอก ทำให้เมื่อคลอดออกมาต้องรับการผ่าตัดทันที ... ก่อนที่หมอจะวางยาสลบเธอเพื่อผ่าตัด หมอบอกกับฉันว่า ลูกสาวฉันยังเล็กขนาดนี้ เพิ่งเกิดก็ต้องถูกวางยาสลบ มีโอกาสที่วางยาสลบแล้วไม่ฟื้นนะ ให้ทำใจเอาไว้ก่อน ฉันไม่ทันได้กอดเธออย่างที่ควรจะทำ แต่เธอก็ถูกนำเข้าห้องผ่าตัดเสียแล้ว” อดีตพิธีกรสาววัย 39 เล่า และว่าโชคยังดีที่การผ่าตัดเนื้องอกของลูกสาวประสบความสำเร็จอย่างดี ทว่า เธอกลับพบว่าสภาพแวดล้อมที่เธอและลูกสาวต้องใช้ชีวิตอยู่ไม่น่าพิศมัยเอาเสียเลย
ไฉ จิ้งเล่าว่า ขณะที่เธอกำลังตั้งท้อง ปัญหามลพิษทางอากาศกำลังเป็นประเด็นใหญ่ที่ชาวจีนทั่วประเทศให้ความสนใจ ส่วนเธอด้วยความที่ทุ่มเทให้กับการเลี้ยงลูก เธอก็เริ่มใส่ใจเกี่ยวกับปัญหาเรื่องนี้เช่นกัน โดยเฉพาะปัญหาหมอกควันที่ทำให้เธอไม่สามารถพาลูกสาวออกนอกบ้านได้มากเท่าที่ควร โดยยกตัวอย่างว่า ตลอดปี 2557 มี 365 วัน นครปักกิ่งมีสภาพอากาศที่มีมลพิษสูง 175 วัน หรือราวครึ่งหนึ่ง และเธอคิดว่าสักวันหนึ่งลูกสาวเธอคงถามว่าหมอกควัน มลพิษ เหล่านี้มาจากไหน ทำไมหมอกควันเหล่านี้ทำให้เด็กอย่างเธอต้องถูกขังอยู่แต่ในบ้าน
“ก่อนที่ฉันจะกลายเป็นแม่คน ฉันเพียงต้องรับผิดชอบตัวเอง แต่เมื่อฉันมีลูกสาว ฉันเรียนรู้ว่าฉันมีพันธะผูกพันกับอนาคต และฉันต้องรับผิดชอบกับมันด้วย หากไม่มีแรงกระตุ้นทางอารมณ์ความรู้สึกเช่นนี้ก็คงเป็นเรื่องยากที่ฉันจะทำสารคดีเรื่องนี้ให้สำเร็จลงได้” ไฉ จิ้งกล่าวให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ people.com.cn
ด้วยแรงขับเคลื่อนของการเป็นแม่คน และความห่วงใยลูก ทำให้ไฉ จิ้ง ซึ่งเดิมมีอาชีพเป็นผู้สื่อข่าวอยู่แล้ว เสาะหาข้อมูล สถิติและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาหาคำตอบให้กับคำถาม 3 คำถามคือ หมอกควันที่ชาวจีนกำลังเผชิญอยู่คืออะไร? หมอกควันเหล่านี้มาจากที่ไหน และ เราควรทำอะไรกับมัน?
ทั้งนี้เธอพบข้อมูลที่น่าตกใจหลายประการเช่น ในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา อัตราการเสียชีวิตของประชากรที่มีสาเหตุมาจากโรคมะเร็งปอดเพิ่มสูงถึงขึ้น ร้อยละ 465 ซึ่งมลพิษทางอากาศที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นสาเหตุหนึ่งของการเพิ่มขึ้นของโรคมะเร็ง นอกจากนี้ยังค้นพบข้อมูลด้วยว่า ในปี 2547 ซึ่งจีนเริ่มเก็บข้อมูลเกี่ยวกับ ฝุ่นละเอียด (Fine Particle) ซึ่งเป็นอนุภาคที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM2.5) และกำลังเป็นที่วิตกของชาวจีนในปัจจุบันนั้นถูกเข้าใจว่าเป็นเพียง หมอก (fog) หรือในภาษาจีนกลางคือ อู้ (雾) ที่ทำให้สนามบินนานาชาติปักกิ่งถึงกับต้องหยุดการบินชั่วคราว
ในช่วงเวลาที่ไฉ จิ้ง ทำสารคดีและเก็บข้อมูลในสนามเกี่ยวกับเรื่องนี้เธอได้พบและสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก รวมไปถึงสมาชิกคณะกรรมาธิการร่างกฎหมายของสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนด้วย โดยหวังว่าฝ่ายนิติบัญญัติจะช่วยผลักดันกฎหมายควบคุมมลพิษออกมาอย่างเร็ซที่สุด
“ฉันคิดว่าผู้ที่อยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติ และผู้กำหนดนโยบายของประเทศควรมีทัศนคติ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ดีที่สุดของการพูดถึงการปฏิรูปเรื่องสิ่งแวดล้อม เราต้องทำให้สาธารณชนมีข้อมูลที่มากกว่านี้ เข้ามามีส่วนร่วมมากกว่านี้ ถกเถียงกันมากกว่านี้ และทำให้เกิดฉันทามติขึ้นมาในสังคม” เจ้าของสารคดีที่กำลังสั่นสะเทือนสังคมจีนระบุ
ขณะที่ชาวเน็ตผู้ได้ชมสารคดีเรื่องดังกล่าวต่างก็แสดงทัศนะกันอย่างแพร่หลายอย่างเช่นผู้ที่ชื่อชื่อบัญชีว่า @yueyingsufang กล่าวว่า “มันน่าตกใจมาก ฉันอยากจะร้องไห้ เราไม่ต้องการให้จีนเป็นเบอร์หนึ่งของโลก เราสามารถที่จะชะลอการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจลง และให้ความสำคัญมากขึ้นกับการควบคุมมลพิษ ควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากกว่าการพัฒนากองกำลังทหาร ... นี่ไม่ใช่เรื่องอนาคตของประเทศจีนเท่านั้น แต่เป็นอนาคตของมวลมนุษยชาติเลยทีเดียว”
ขณะที่ชาวเน็ตที่ใช้ชื่อบัญชีว่า @Hudie “มันเป็นเรื่องน่าสยองขวัญมากที่เรากำลังปรับตัว และคุ้นชินกับหมอกควัน และเราทำอะไรได้บ้างภายใต้โดม (แห่งหมอกควัน) อันนี้”
ตอนหนึ่งจากสารคดี ไฉ จิ้ง กล่าวอย่างจริงจังว่าชาวจีนกำลังสู้กับมลพิษทางอากาศ อันเป็นศัตรูที่เรามองไม่เห็น และเธอย้ำว่า “พูดตามตรงฉันไม่ได้กลัวตายมากมายนักหรอก ฉันแค่ไม่อยากใช้ชีวิตเยี่ยงนี้”