จีนเร่งสกัดภาวะเงินฝืด คาดหั่นอัตราดอกเบี้ยอีกปีนี้

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - นักเศรษฐศาสตร์เชื่อ ยังมีลุ้นธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกในปีนี้ หลังจากเพิ่งประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะเวลา 1 ปีลงร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 5.35 และร้อยละ 2.5 ตามลำดับ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ชะลอการเติบโต โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันอาทิตย์ ที่ 1 มี.ค. 2558

นายเรย์มอนด์ หยิง นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำธนาคารออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ( ANZ Bank) ในฮ่องกงระบุว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยและช่วงเวลา ที่มีการประกาศไม่เกินการคาดหมายของเอเอ็นซี เนื่องจากธนาคารกลางจีนรับรู้ได้ถึงแรงกดดันให้ต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อไป ในขณะที่ความเสี่ยง ที่เศรษฐกิจจีนจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืดมีมากขึ้น

ธนาคารกลางจีนให้เหตุผลในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งล่าสุดนี้ว่า เนื่องจากดัชนีราคาผู้บริโภคตกต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะเดียวกันก็เพื่อหนุนให้ต้นทุนในการกู้ยืมเงินของผู้ประกอบการลดลงอีก โดยธนาคารกลางจีนยังประกาศเพิ่มเพดานอัตราดอกเบี้ยเงินฝากนโยบายจาก 1.2 เท่าเป็น 1.3 เท่าอีกด้วย

ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคประจำเดือนม.ค. 2558 ขยับขึ้นมาเพียงร้อยละ 0.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเป็นครั้งแรกที่เกณฑ์วัดเงินเฟ้อตัวนี้ต่ำกว่าร้อยละ 1 นับตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา

ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (พีพีไอ) ซึ่งเป็นดัชนีราคาที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการของผู้ผลิต ขยายตัวติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 34 ปี

ธนาคารกลางจีนเคยประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปีเมื่อเดือนพ.ย. 2557 โดยหั่นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 0.40 มาอยู่ที่ร้อยละ 5.6 และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปี ร้อยละ 0.25 มาอยู่ที่ร้อยละ 2.75 ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหว ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน

สำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งล่าสุดนี้ยังเกิดขึ้น หลังจากธนาคารกลางจีนเพิ่งลดสัดส่วนการกันเงินสำรองของธนาคารพาณิชย์ (อาร์อาร์อาร์) ลงร้อยละ 0.5 เมื่อต้นเดือนก.พ. 2558

นายหยิงคาดว่า ธนาคารกลางจีนจะมีการปรับลดอาร์อาร์อาร์อีก 2 ครั้ง ครั้งละร้อยละ 0.50 ในปีนี้ โดยรูปแบบการดำเนินการของธนาคารกลางจีนก็คือจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย จากนั้น ตามมาด้วยการปรับลดอาร์อาร์อาร์ ฉะนั้น หลังจากนี้ เขาเชื่อว่า จะมีการปรับลดอาร์อาร์อาร์ ซึ่งอาจรอประกาศ หลังจากการประชุมสภาผู้แทนประชาชนในสัปดาห์นี้ไปแล้ว

ด้านนายซ่ง อี้ว์ นักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน ซาคส์ มองว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสเกิดขึ้นอีก โดยรัฐบาลจีนยังกำลังผ่อนคลายนโยบายอื่น ๆ อีกไปพร้อมกัน เช่น การปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าลงเล็กน้อยต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และเพิ่มการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางคนเห็นว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งล่าสุดนี้มีผลน้อย โดยนายหลู่ เจิงเว่ย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารอินดัสเทรียลในนครเซี่ยงไฮ้ระบุว่า ตลาดไปเร็วกว่าการดำเนินการของธนาคารจีน อีกทั้งการหั่นดอกเบี้ยก็มิใช่การแก้ไขปัญหาที่แท้จริง เพราะไม่ว่าจะหั่นดอกเบี้ยอีกเท่าใดก็ไม่มีเงินกู้ราคาถูกไว้สำหรับผู้ต้องการกู้ เขาเห็นว่า กุญแจสำคัญในการแก้ปัญหานี้ก็คือธนาคารจีนต้องยุติธรรมเนียมการชำระหนี้ ที่ไม่ยอมยืดหยุ่น ซึ่งทำให้ต้นทุนการกู้สูงผิดปกติ จึงจะเหมาะสมกว่า