เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - การอ่อนค่าของเงินสกุลยูโรกระตุ้นนักลงทุนแดนมังกรแห่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในตลาดยุโรปกันอย่างคึกคัก
จากการเปิดเผยของบริษัทตัวแทนในการซื้อขาย เงินยูโร ที่อ่อนค่าทำให้นักลงทุนประเภทสถาบันและบุคคลของจีนวางแผนซื้ออาคารสำนักงานและโรงแรมในยุโรป เพื่อหวังได้ผลตอบแทนสูงกว่าร้อยละ 5
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กระแสการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่ยุโรปของชาวจีนดำเนินไปอย่างคึกคัก เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเดินทางและในการลงทุนในยุโรปถูกลงอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะตกต่ำ ทำให้หลายชาติเช่นโปรตุเกส และสเปน อนุญาตให้ชาวต่างชาติ ซึ่งเต็มใจเข้ามาลงทุนตามเกณฑ์ ที่รัฐบาลกำหนด สามารถเข้ามาพำนักในประเทศได้อีกด้วย
นายจัง เคอซ่ง ตัวแทนในกรุงปักกิ่งเล่าว่า มีนักลงทุนคนหนึ่งซื้อห้องชุด 11 ห้องในเมืองอัลเมเรียของสเปนด้วยเงินจำนวน 2 ล้านยูโร โดยวางแผนทำเป็นโรงแรม ซึ่งจะได้กำไรถึงร้อยละ 10 จากการลงทุนนี้
นอกจากนั้น นักลงทุนชาวจีนหลายคนกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้ได้รับสิทธิ์ในการพำนักอาศัย และเพื่อให้บุตรสามารถศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยในยุโรปได้ โดยบางคนได้ขายบ้านและที่ดินของตนเอง ที่มีอยู่ในจีน เพื่อนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ
ขณะที่โปรตุเกสยินดีอ้าแขนต้อนรับนักลงทุน ที่ไม่ใช่ชาวยุโรป โดยเมื่อ 2 ปีก่อน ทางการได้อนุญาตให้ที่พำนักอาศัยแก่นักลงทุนแล้ว 1,775 ราย โดยนักลงทุนเหล่านี้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ในโปรตุเกสด้วยเงินไม่ต่ำกว่า 500,000 ยูโร และร้อยละ 80 เป็นชาวจีน
ด้านสเปนมีการออกบัตร “โกลเดน วีซ่า” สำหรับการเข้าพำนักอาศัยในประเทศแก่นักลงทุน ที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ด้วยเงินในเกณฑ์เดียวกัน และมีการออกใบอนุญาตให้เข้าพำนักอาศัยในประเทศแล้ว 134 รายในช่วงระหว่างเดือนก.ย. 2556-ต.ค. 2557
ไนต์ แฟรงก์ (Knight Frank) บริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ระบุว่า การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศของนักลงทุนจีนเพิ่มกว่า 25 เท่าเป็น 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2552-2557 โดยมีออสเตรเลีย สหรัฐฯ และอังกฤษเป็นเป้าหมายอันดับแรก
ซาวิลส์ ( Savills) บริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ประเมินว่า นักลงทุนประเภทสถาบันของจีนหอบเงินไปลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ในต่างแดนเกือบถึง 13,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเมื่อปีที่แล้ว เพิ่มจากปี 2555 กว่า 2 เท่า
หลิว ปิง หัวหน้าฝ่ายบริการให้คำปรึกษาและการลงทุนของบริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์นอร์ท ไชน่า ดีทีแซ็ต ( North China DTZ) ระบุว่า นักลงทุนประเภทสถาบันของจีนเข้าไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในยุโรปกันมากขึ้น โดยหมายตาอังกฤษและฝรั่งเศสเป็นอันดับแรก โดยส่วนใหญ่ซื้ออาคารสำนักงานและโรงแรม ซึ่งมักเห็นผลตอบแทนราวร้อยละ5-8
นอกจากนั้น นักลงทุนประเภทสถาบันของจีนมิได้พิจารณาแค่อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราเป็นแนวทางอย่างเดียว แต่ยังมองหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ และเริ่มคุ้นเคยกับเงื่อนไขการลงทุนในยุโรปกันมากขึ้นอีกด้วย