แม่จีนแห่ผ่าคลอดก่อนตรุษจีน หวังให้ลูกเฮงตั้งแต่เริ่มต้นชีวิต

เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์- คุณแม่ชาวจีนแห่ผ่าตัดคลอดลูกก่อนเทศกาลตรุษจีน เชื่อ ทำให้ลูกโชคดีในการเริ่มต้นชีวิต ด้านบริษัทประกันชีวิตบางแห่งถึงกับปรับเบี้ยประกันสุขภาพขึ้น เพราะค่าใช้จ่ายผ่าคลอดสูงกว่าการคลอดโดยธรรมชาติเกือบเท่าตัว
ปรากฏการณ์หญิงตั้งครรภ์แห่ผ่าตัดคลอดช่วงก่อนตรุษจีน บูมในฮ่องกง สิงคโปร์ มาเก๊า จนเป็นที่รู้กันในบรรดาสูตินารีแพทย์ว่า ช่วงนี้งานผ่าตัดทำคลอดจะล้นมือเป็นพิเศษ

เหตุที่ทำให้บรรดาคุณแม่แห่ผ่าคลอดในช่วงก่อนตรุษจีน ก็คือ ความเชื่อที่ว่า บุตรของพวกเขาจะโชคดีรับปีใหม่ อีกทั้งคุณแม่จะได้ไม่ต้องติดแหง็กอยู่ในโรงพยาบาล ในช่วงวันหยุดยาวตามเทศกาลที่สำคัญที่สุดเทศกาลหนึ่งของชาวจีน

หมอดูชื่อดังของฮ่องกง นามว่า มัก หลิง หลิง กล่าวว่า เด็กที่เกิดปีม้าจะมีพลังชีวิตแข็งแรงกว่าเด็กที่เกิดในปีแพะ โดยวันพฤหัสบดีที่ 19 ที่จะถึงนี้ เป็นวันปีใหม่จีนตามปฏิทินจันทรคติตรงกับปีนักษัตรแพะ นอกจากนี้หมอดูคนดังยังกล่าวอีกว่า พ่อแม่บางคนอยากผ่าคลอดก่อนตรุษจีนก็เพราะเชื่อว่าลูกจะ “เฮง” มากขึ้น เพราะจะได้ซอง “อั่งเปา” จากญาติๆ ด้วย

ในฮ่องกง ปรากฏการณ์นี้ เกิดขึ้นมานานแล้ว ทว่า ตัวเลขคุณแม่แห่ผ่าคลอดก็เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ซึ่งทั้งแพทย์และหมอดูต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันในเรื่องนี้

สูตินารีแพทย์และนารีแพทย์คุน คา-หยัน จากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในฮ่องกง กล่าวว่า เขาต้องทำคลอดเพิ่มขึ้นราวๆ 20 เปอร์เซ็นต์ในสัปดาห์นี้ ส่วนใหญ่เป็นเคสการผ่าตัดคลอด ซึ่งสูตินารีแพทย์บางคนต้องทำคลอดถึง 4 รายใน 1 วัน ในขณะที่ปกติทำแค่ประมาณ 2 เคสต่อสัปดาห์

ในขณะที่สิงคโปร์ การคลอดบุตรช่วงเทศกาล เป็นที่นิยมมาก โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลสิงคโปร์ประกาศในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาว่า เด็กที่คลอดในปีนี้ (2558) จะได้รับของชุดขวัญ ฉลองประเทศได้รับเอกราชครบรอบ 50 ปี

ด้านสูตินารีแพทย์และนารีแพทย์แอน ถัน จากโรงพยาบาลเมาท์ เอลิซาเบท (Mount Elizabeth Hospital) ในสิงคโปร์ กล่าวว่า คนแห่คลอดบุตรกันตั้งแต่ช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อน คุณแม่หลายคนวางแผนคลอดให้ตรงกับช่วงวันหยุดนี้

“ฉันยังไม่เห็นว่าคนสิงคโปร์นิยมผ่าตัดคลอดมากกว่าคลอดธรรมชาติ แต่เห็นได้ชัดว่า คนเลือกวันและเวลาในการคลอดบุตรตามความเชื่อเรื่องโชคกันมากขึ้น” สูตินารีแพทย์ถัน กล่าวเพิ่มเติม

อย่างไรก็ดี การแห่คลอดบุตรรับตรุษจีน ไม่เพียงแต่กระทบต่อการทำงานของสูตินารีแพทย์เท่านั้น แต่ยังมีผลต่อบริษัทประกันอีกหลายแห่งด้วย

“ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เราสังเกตได้ว่าฮ่องกงมีหญิงเข้ารับการผ่าตัดคลอดเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงตรุษจีน และแนวโน้มนี้ก็มีทีท่าว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ” นายแอนดรูว์ แอพพส์ ผู้อำนวยการบริษัทประกันภัย เอแอลซี โกลโบล เฮล์ท อินซูแรนซ์ (ALC Health Global Insurance) กล่าว

“ตอนนี้ฮ่องกงเป็นประเทศหนึ่งที่แพงที่สุดในโลกสำหรับการมีบุตร” นายแอพพส์ กล่าว พร้อมเตือนา “เด็กที่คลอดก่อนกำหนดอาจมีปัญหาสุขภาพมากกว่าปกติ”

นอกจากนี้ นายแอพพส์ยังเตือนคุณแม่มือใหม่ทั้งหลาย โดยเฉพาะคุณแม่ชาวต่างชาติที่อยู่ต่างบ้านต่างเมือง ให้ตรวจเช็ครายละเอียดกับบริษัทประกันให้เรียบร้อย ว่าครอบคลุมการผ่าตัดคลอดหรือไม่ อย่างไร ทั้งนี้ โดยทั่วไปแล้ว การผ่าตัดคลอดได้สิทธิประโยชน์จากบริษัทประกันน้อยกว่าการคลอดตามธรรมชาติ เพราะค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาล สำหรับการผ่าคลอดสูงกว่าคลอดปกติประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์

“ตอนนี้ บริษัทประกันราวๆ 20-22 แห่ง เกือบทั้งหมดของพวกเรา กำลังพิจารณานโยบายประกันการคลอดบุตรกันอยู่” นายแอพพส์ ระบุ “บางบริษัทก็ยืดเวลาไปอีก 2 ปีกว่าจะใช้สิทธิ์ตามประกันได้”

“เรายังสังเกตได้ว่า แพทย์บางคนก็สั่งผ่าตัดคลอดกันตามกระแสแฟชั่น ทั้งๆ ที่บางรายให้คลอดเองตามธรรมชาติก็ได้ นายแอพพส์ กล่าวเพิ่มเติม

ในโรงพยาบาลยูเนียน (Union Hospital) ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนย่านซาเถียน ของฮ่องกง แพคเกจคลอดบุตรตามธรรมชาติ ห้องพักธรรมดา ราคาอยู่ที่ประมาณ 19,200 เหรียญฮ่องกง (ราวๆ 80,640 บาท) ส่วนการผ่าคลอดจะเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 24,000 เหรียญฮ่องกง (ราวๆ 100,800 บาท) ซึ่งสูงกว่ากันเกือบสองเท่า และเกือบเท่าราคาการคลอดบุตรในประเทศแถบยุโรป บางประเทศ

ด้านบริษัทประกัน ดีเควี โกลโบลิตี้ (DKV Globality) ประกาศงดแผนประกันเกี่ยวกับการคลอดบุตร 2 แผน ในฮ่องกง สิงคโปร์ และมาเก๊าที่ทำมาตั้งแต่ปี 2555 รวมทั้งเพิ่มเบี้ยประกันสำหรับลูกค้าเดิมในประเทศเหล่านี้อีก 85- 100 เปอร์เซ็นต์ แต่นโยบายนี้ไม่มีผลกับลูกค้าของบริษัทฯ ในประเทศอื่น