จีนฝันคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก ยกเครื่องลูกหนังแดนมังกรสู่ระดับสากล

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - จีนสานฝันผู้นำประเทศ ทั้งในระดับชาติและระดับเทศบาลกรุงปักกิ่ง ซึ่งเริ่มโครงการส่งเสริมการสอนกีฬาฟุตบอลแก่เยาวชนให้ได้ 1 แสนคนภายใน 3 ปีข้างหน้า เพื่อยกมาตรฐานกีฬาสุดโปรดของผู้นำแดนมังกร สู่ระดับโลก

ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง คลั่งไคล้ฟุตบอลมาตั้งแต่วัยเยาว์ และเรียกร้องหลายครั้งหลายหนให้มีการปรับปรุงการสอนฟุตบอลในหมู่เด็ก ๆ โดยเมื่อ 3 ปีก่อน ประธานาธิบดีสีได้ตั้งความหวัง 3 ประการสำหรับประเทศจีน ได้แก่ขอให้จีนมีความสามารถถึงระดับเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกได้อีกหน ขอให้จีนได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก และคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก

นายหวัง จวิ้น หัวหน้าฝ่ายการกีฬา สุขภาพ และศิลปะของคณะกรรมการด้านการศึกษาของปักกิ่งเปิดเผยเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ ( 7 ธ.ค.) ว่า เทศบาลกรุงปักกิ่งได้ร่าง 20 มาตรการในการปรับปรุงการสอนฟุตบอลในสถานศึกษาในเมืองหลวง อาทิ กำหนดให้ฟุตบอลเป็นกีฬาประเภทหนึ่ง ที่ให้ผู้สอบเข้าเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาเลือกในการทดสอบความสามารถด้านกีฬา

นอกจากนั้น ยังกำหนดโครงการก่อสร้างศูนย์ฝึกในโรงเรียน 3 แห่ง และเน้นการฝึกสอนฟุตบอลใน 200 โรงเรียนในกรุงปักกิ่งภายในระยะเวลา 3 ปี โดยระดมผู้เชี่ยวชาญทั้งในและนอกประเทศมาพัฒนาการเรียนการสอนฟุตบอลแก่เด็ก ๆ ตลอดจนจัดหาสถานที่ฝึก โดยเช่าสถานที่และจัดสรรงบประมาณก่อสร้างขึ้น รวมทั้งก่อสร้างสนามฟุตบอลแห่งใหม่ ๆ เพิ่ม หรือแม้กระทั่งเทศบาลกรุงปักกิ่งจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายแก่นักเรียนชั้นประถมศึกษา ที่เข้ารับการสอนโดยสโมสรกีฬาเอกชน

“ ในที่สุดเด็กนักเรียน 1 แสนคนก็จะกลายเป็นนักเตะฟุตบอล หลังจากมีการพัฒนาใน 2-3 ปีนี้” นายหวังระบุ

เมื่อวันที่ 10 เดือนก.ค. ที่ผ่านมา มีการประกาศให้โรงเรียน 10 แห่งในเขตเฉาหยาง กรุงปักกิ่ง เป็นสถานที่ให้การอบรมฝึกสอนกีฬาฟุตบอลอย่างครบถ้วน โรงเรียนเหล่านี้มีการจัดตั้งทีมฟุตบอลทั้งทีมเด็กชายและเด็กหญิงขึ้นมา

ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสีเองก็เคยเข้ารับการฝึกฝนการเล่นฟุตบอลอยู่หลายครั้ง พร้อมโชว์ความสามารถให้ชมเป็นขวัญตาในบางโอกาส นอกจากนั้น ระหว่างเยือนต่างประเทศ เขายังได้พบปะกับนักฟุตบอลชั้นนำของโลกหลายคน เช่น เดวิด เบ็กแฮม ซึ่งเมื่อปีที่แล้วสมาคมฟุตบอลจีนแต่งตั้งให้เป็นทูตโฆษณาส่งเสริมการแข่งขันฟุตบอลไชนีสซูเปอร์ลีกของจีนให้นานาชาติรู้จัก รวมทั้งภายในประเทศจีนเอง

นอกจากเทศบาลกรุงปักกิ่งแล้ว ในระดับประเทศรัฐบาลก็มีการปฏิรูปกีฬาฟุตบอลครั้งใหญ่ เนื่องจากเป็นกีฬาที่ผู้คนทั่วโลกสนใจกันอย่างมหาศาล แต่มาตรฐานของทีมชาติจีนยังล้าหลังหลายประเทศ โดยรัฐบาลส่งเสริมให้ฟุตบอลเป็นกีฬาบรรจุในการศึกษาภาคบังคับ และกระทรวงศึกษาธิการเปิดเผยโครงการก่อสร้างโรงเรียน2 หมื่นแห่ง ที่มีสนามฟุตบอลและสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม

การยกเครื่องกันขนานใหญ่นี้ทำให้จำเป็นต้องมีการเพิ่มจำนวนครูผู้สอน โดยรัฐบาลได้สร้างแรงจูงใจ เพื่อกระตุ้นให้มีผู้มาประกอบอาชีพนี้กันมาขึ้นทั้งในลักษณะครูประจำ หรือพาร์ตไทม์

นอกจากนั้น มหาวิทยาลัยพลศึกษาปักกิ่งยังผนึกกำลังกับมหาวิทยาลัยพลศึกษาอีก 14 แห่งในการส่งอาสาสมัครไปตามโรงเรียนและสถานที่ฝึกต่าง ๆ ที่ต้องการโค้ช หรือผู้ช่วยฝึกสอนการเตะลูกหนังแก่นักเรียนอีกด้วย

ทั้งนี้ จีนติดอันดับที่ 99 ในโลกจากการจัดอันดับทีมชาติของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่าเมื่อเดือนที่แล้ว นอกจากนั้น ทีมชาติจีนยังสร้างความผิดหวังแก่แฟนบอลในประเทศ รวมทั้งนัดที่แพ้ทีมชาติไทย 5-1 เมื่อปีที่แล้ว โดยทีมชาติจีนติดอันดับแถวหน้าหนเดียวในศึกฟุตบอลโลก 2002 ซึ่งญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพร่วมกัน ทว่าก็ยังอยู่ในอันดับที่ 31 จากทั้งหมด 32 ทีม ที่เข้าร่วมการแข่งขัน