หม่า อิงจิ่ว ประกาศลาออกจากประธานพรรคก๊กมินตั๋ง เซ่นความพ่ายแพ้ศึกเลือกตั้งท้องถิ่น

เอเอฟพี/เอพี - ผู้นำไต้หวันออกโรงก้าวลงจากเก้าอี้นายใหญ่พรรคก๊กมินตั๋ง เป็นไปตามคาดหลังพรรคปราชัยในศึกเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งสำคัญ

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงาน (2 ธ.ค.) ว่า นายหม่า อิงจิ่ว ประธานาธิบดีไต้หวัน ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานพรรคก๊กมินตั๋ง หรือเคเอ็มที (KMT) หลังจากสมาชิกพรรคแพ้ย่อยยับในการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งใหญ่ที่สุดของเกาะ

“ในฐานะประธานพรรคฯ ผมยินดีแสดงความรับผิดชอบสูงสุดหลังพรรคประสบความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน … ผมจึงจะขอสละตำแหน่งประธานพรรคฯ อย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้” โดยแถลงการณ์จากเคเอ็มทีระบุว่า หม่าจะแจ้งการลาออกกับที่ประชุมคณะกรรมการกลางแห่งพรรคฯ ด้วยตนเองในวันพุธ

นอกจากนั้น หม่ายังพร่ำขอโทษที่ทำให้ทุกคนรู้สึกผิดหวังและกระตุ้นสมาชิกพรรคทุกคนให้รักษาความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกันในโมงยามแห่งความลำบากยากเข็ญนี้

“เราเสียชัยชนะในการเลือกตั้ง แต่เราจะไม่เสียความเชื่อมั่นจากประชาชน … เราจะนอบน้อมรับฟังเสียงของประชาชน และเราจะแบกรับภาระความรับผิดชอบในอนาคตด้วยความกล้าหาญ”

ทั้งนี้ พรรคก๊กมินตั๋งซึ่งมีหม่าเป็นหัวเรือใหญ่ตั้งแต่ปี 2552 คว้าชัยที่นครซินเป่ยซื่อ หรือนิว ไทเป (New Taipei City) เพียงแห่งเดียว จากสนามเลือกตั้งนายกเทศมนตรีทั้งหมดหกแห่ง อันได้แก่ ไถเป่ย (ไทเป), ซินเป่ยซื่อ (นิว ไทเป), เถาหยวน, ไถจง, ไถหนัน, และเกาสยง (เกาสง) ในวันเสาร์ (29 พ.ย.) ที่ผ่านมา

ขณะที่การแข่งขันระดับอำเภอและเขตเมือง 22 แห่ง เคเอ็มทีเก็บธงชัยได้แค่ 6 แห่ง จากเดิมก่อนหน้านี้เป็นเจ้าถิ่นอยู่ถึง 15 แห่ง โดยความปราชัยครั้งประวัติศาสตร์นี้สั่นสะเทือนพรรคฯ และชี้วัดสถานะที่น่าเป็นห่วงในการแข่งขันชิงบัลลังก์ประธานาธิบดี ปี 2559

ด้านพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า หรือดีพีพี (DPP) คู่ปรับสำคัญของเคเอ็มที ครอบครองคะแนนเสียงทั่วทั้งเกาะกว่าร้อยละ 47.5 ชนะขาดลอยในเทศบาลนครทางตอนกลางและใต้ ได้แก่ ไถหนัน เกาสง เถาหยวน และไถจง ซึ่งจัดเป็นยุทธศาสตร์สำคัญช่วยให้ดีพีพีมีโอกาสแผ่อิทธิพลจากภาคกลางขึ้นสู่ภาคเหนือมากขึ้น

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่าปัจจัยที่ทำให้พรรคก๊กมินตั๋งสิ้นท่าหมดรูปเช่นนี้ มาจากสภาพเศรษฐกิจซบเซา ข่าวคาวอื้อฉาวของวงการอาหาร และความหวาดกลัวอิทธิพลจากแผ่นดินใหญ่ ที่ดูจะแทรกซึมเข้ามามากขึ้นนับตั้งแต่หม่ามีอำนาจ กลายเป็นเชื้อไฟสุมทุมความไม่พอใจของสาธารณะชน

หนิว จวิน ผู้เชี่ยวชาญด้านไต้หวันของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งสะท้อนความขุ่นเคืองใจของผู้ลงคะแนนเสียงรุ่นใหม่ รวมถึงกลุ่มคนที่ทำงานอยู่ในภาคอุตสาหกรรมซึ่งไม่ได้รับประโยชน์จากนโยบายผูกสัมพันธ์ทางการค้ากับจีนแผ่นดินใหญ่ของหม่า

“ดังนั้น คำถามคือผลประโยชน์จากความสัมพันธ์ระหว่างช่องแคบได้กระจายไปทั่วทุกส่วนของสังคมไหม และหม่าเองก็ล้มเหลวจะแสดงให้ประชาชนสังเกตเห็นจุดนี้อย่างเพียงพอ”

อเล็กซานเดอร์ หวง อาจารย์ด้านยุทธศาสตร์ศึกษาจากมหาวิทยาลัยทัมคัง (Tamkang University) ในนครนิว ไทเป เสนอว่าพรรคก๊กมินตั๋งควรฉวยโอกาสที่หม่าลาออกนี้ อัดฉีดสายเลือดและความคิดสดใหม่เข้าสู่พรรค

“เคเอ็มทีต้องการคนรุ่นใหม่ที่เปี่ยมล้นด้วยพลังแห่งความกระตือรือร้น และเข้าใจความเป็นไปของศตวรรษที่ 21 ได้ดีกว่าคนเก่าคนแก่”