ASTVผู้จัดการออนไลน์/รอยเตอร์ส-ผู้นำไต้หวัน หม่า อิงจิ่ว แถลงในวันนี้(10 ต.ค.) เรียกร้องให้จีนผลักดันการพัฒนาด้านปฏิรูปประชาธิปไตยมากยิ่งกว่านี้ พร้อมย้ำสนับสนุนอย่างเหนียวแน่นในการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง
ประธานาธิบดี หม่า อิงจิ่ว แถลงสุนทรพจน์เนื่องในวาระวันชาติสาธารณรัฐจีน ซึ่งตรงกับวันที่ 10 ต.ค. สารัตถะในคำแถลงของหม่ามุ่งเรียกร้องให้การมีถกเถียงเกี่ยวกับการพัฒนาประชาธิปไตยของดินแดน ซึ่งดูเป็นการส่งสัญญาณแก่จีน ว่าไต้หวันยืนกรานแนวทางประชาธิปไตยและหลักกฎหมายของตน
ผู้นำหม่ากล่าวว่า จีนได้พัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และผลักดันสร้างสังคมที่รุ่งโรจน์ ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ก็ต้องการประชาธิปไตยมากขึ้น และหลักกฎหมายที่แข็งแกร่ง
“ความปรารถนาดังกล่าว มิใช่เพียงชาวตะวันตกเท่านั้นที่อาจผูกขาดความต้องการนี้ แต่เป็นสิทธิของมวลมนุษย์ทั้งปวง” หม่า กล่าว พร้อมย้ำว่าเขาสนับสนุนอย่างเหนียวแน่นในการปฏิรูปประชาธิปไตย ให้สิทธิเลือกตั้งโดยตรงแก่ชาวฮ่องกงในการเลือกผู้นำดินแดน อย่างไรก็ตาม ระบบประชาธิปไตยอาจยังไม่ไปถึงขั้นสมบูรณ์แบบ สองฝ่ายควรเจรจาถกเถียงหาข้อตกลงร่วมกัน
“เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ผู้นำเติ้ง เสี่ยวผิง ได้ผลักดันการปฏิรูปและเปิดประเทศ และกล่าวข้อเสนอที่เลื่องลือคือ เปิดทางโอกาสให้ประชาชนกลุ่มหนึ่งมั่งคั่งก่อนเป็นกลุ่มแรก ดังนั้น ทำไม...ไม่ดำเนินการพัฒนาแบบเดียวกันนี้ในฮ่องกง คือให้ประชาชนกลุ่มหนึ่งได้ประชาธิปไตยก่อนเป็นกลุ่มแรก?”
ทั้งนี้ จีนและไต้หวันแยกการปกครองกันหลังจากที่พรรคกั๋วหมินตั่ง หรือก๊กมินตั๋ง นำโดยผู้นำเจียง ไคเช็ค แพ้สงครามกลางเมืองในจีนเมื่อปี 1949 (2492) และได้ถอยร่นไปยังเกาะไต้หวัน พร้อมจัดตั้งรัฐบาลสาธารณรัฐจีน ทั้งนี้ สาธารณรัฐจีนเป็นทางการของไต้หวัน โดยในปัจจุบันสหประชาชาติ (ยูเอ็น)มิได้รับรองไต้หวันในฐานะรัฐประเทศ
ปีนี้ ไต้หวันฉลองวันชาติ ซึ่งเป็นวันครบรอบ 103 ปี ของการสถาปนาสาธารณรัฐจีน ท่ามกลางกระแสประท้วงของกลุ่มเคลื่อนไหว “อ็อกคิวพาย เซ็นทรัล” ในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เรียกร้องประชาธิปไตยเต็มใบในการเลือกตั้งผู้นำดินแดน การประท้วงในฮ่องกงสะกิดใจไต้หวันโดยอาจเป็นประสบการณ์ร่วม หากไต้หวันอยู่ใต้การปกครองจีน
ฝ่ายผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ ที่นำโดยเหมา เจ๋อตง ผู้มีชัยฯ ก็ได้ประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน จีนและไต้หวันเป็นปฏิปักษ์การเมืองกันมาเกือบ 60 ปี โดยผู้นำในปักกิ่งยึดถือมาตลอดว่าไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งของมาตุภูมิแผ่นดินใหญ่ และหากมีการเคลื่อนไหวอิสรภาพเมื่อใด จีนก็อาจต้องใช้กำลังเข้ายึดเกาะไต้หวัน
สัมพันธภาพจีนและไต้หวันชื่นมื่นครั้งประวัติการณ์ เมื่อหม่า อิงจิ่ว แห่งพรรคก๊กมินตั๋ง ประกาศญาติดีกับจีนเมื่อปี 2551 จากนั้นก็มีการลงนามข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์กระชับสัมพันธ์เศรษฐกิจและการค้า
แต่อย่างไรก็ตาม สองจีนก็ยังคงความเคลือบแคลงอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะในไต้หวัน ซึ่งไม่ต้องการรีบเร่งดันการเจรจาการเมืองกับจีน ขณะที่ทางปักกิ่ง ผู้นำสี จิ้นผิง ก็ ไม่เคยมีทีท่าที่เป็นสัญญาณว่าผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จะคลายมือที่กุมอำนาจอย่างเหนียวแน่น
ดังนั้น แม้สัมพันธ์จีนและไต้หวันกระชับสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจการค้า ก็ยังมีรายงานข่าวความเคลื่อนไหวพัฒนากองทัพไต้หวัน โดยฝ่ายไต้หวันชี้ว่ากองทัพจีนได้เล็งขีปนาวุธนับพันลูกมายังเกาะไต้หวัน.