เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - สภาเทศบาลนครปักกิ่งผ่านร่างข้อบังคับห้ามสูบบุหรี่ในสถานที่สาธารณะภายในร่มและในอาคารสำนักงาน โดยทางการจีนยังเล็งบังคับใช้กฎระเบียบดังกล่าวทั่วประเทศในอนาคตอีกด้วย
กฎข้อบังคับใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ในเดือนมิ.ย. ปีหน้า โดยยังห้ามการประกาศโฆษณาบุหรี่กลางแจ้ง หรือบนรถโดยสารบริการขนส่งมวลชน และในสื่อเกือบทุกชนิด รวมทั้งนิตยสาร วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และหนังสือ ผู้ฝ่าฝืนจะถูกสั่งปรับระหว่าง 50 หยวน - 200 หยวน โดยกรุงปักกิ่ง ซึ่งมีประชากรอาศัยราว 20 ล้านคน มีผู้สูบบุหรี่ราว 4 ล้านคน
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้นับเป็นการฮึดรณรงค์ครั้งใหม่ หลังจากความพยายามจำกัดพื้นที่การสูบบุหรี่จากการออกกฤษฎีกาของรัฐบาลเมื่อปี 2551 ประสบความล้มเหลวในประเทศ ซึ่งมีผู้สูบบุหรี่ 300 ล้านคน โดยกฤษฎีกาของรัฐบาลครอบคลุมการห้ามสูบบุหรี่กลางแจ้ง ซึ่งรวมทั้งในโรงเรียนอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา โรงพยาบาล สถานที่เล่นกีฬา และสถานที่อนุรักษ์วัฒนธรรมต่าง ๆ
ทั้งนี้ ในร่างข้อบังคับของสภาเทศบาลนครปักกิ่งเดิมนั้น ได้กำหนดรวมถึงสวนสาธารณะและมหาวิทยาลัยทุกแห่งด้วย แต่ได้ยกเลิกไป เนื่องจากเห็นว่า ขอบเขตมีความกว้างขวางมากเกินกว่าจะตรวจตราควบคุมได้หมด
จากการศึกษาของกระทรวงสาธารณสุขจีนเมื่อปี 2555 พบว่า การสูบบุหรี่ได้คร่าชีวิตชาวจีนกว่า 1 ล้านคนต่อปี โดยผู้เชี่ยวชาญของจีนและต่างชาติประเมินในการศึกษาครั้งนี้ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มถึง 3 เท่าภายในปี 2593 หรืออีก 36 ปีข้างหน้า
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า อุปสรรคใหญ่ที่สุดข้อหนึ่งในการต่อต้านการสูบบุหรี่ได้แก่การผูกขาดอุตสาหกรรมบุหรี่ของรัฐเอง ซึ่งมีสัดส่วนรายได้จากการจัดเก็บภาษีทั้งประเทศถึงเกือบร้อยละ 10
องค์การอนามัยโลกชื่นชมความเคลื่อนไหวดังกล่าวของเทศบาลนครปักกิ่ง และหวังว่า จะกรุยทางไปสู่การออกกฎหมายห้ามการสูบบุหรี่ ที่เข้มงวดในระดับชาติต่อไป
อย่างไรก็ตาม อาจเร็วเกินไป ที่จะคาดหวังความสำเร็จจากการออกกฎข้อบังคับใหม่นี้ในแดนมังกร ซึ่งบุหรี่มีราคาถูกมาก โดยบางยี่ห้อจำหน่ายเพียงห่อละ 3 หยวนเท่านั้น
ขณะที่คู่มือที่กระทรวงสาธารณสุขพิมพ์เผยแพร่เมื่อปี 2554 ในการห้ามสูบบุหรี่ในสถานที่ภายในร่มนั้นถูกวิจารณ์ว่า มีความคลุมเครือเกินไป และปราศจากการบังคับใช้
นอกจากนั้น ร้านอาหาร บาร์ และคลับส่วนใหญ่ยังอนุญาตให้ผู้อุดหนุนสูบบุหรี่ได้ตามใจชอบ ซึ่งสะท้อนความจริงว่า การเชื้อเชิญสูบบุหรี่เป็นการต้อนรับทักทาย ที่ปฏิบัติกันจนเป็นธรรมเนียมในหมู่ชายชาวจีนไปจนยากจะแก้ไข