เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์- การประชุมเต็มคณะฯ พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 4 หนุนประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเต็มที่ให้เดินหน้าปฏิรูปกฎหมาย ปกครองประเทศโดยหลักนิติวิธี แต่ยังไม่แสดงทีท่าเรื่องการดำเนินคดีอดีตซาร์ด้านความมั่นคงนายโจว หย่งคัง ด้านนักวิเคราะห์ชี้ เรื่องเงียบอาจเพราะนายสีเจอตอในพรรคฯ จึงยังเดินหน้าไม่รื่น ส่วนท่าทีเรื่องฮ่องกง มีสัญญาณบ่งบอกแล้วว่าพรรคฯ ไม่ลงให้แน่นอน
การประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 18 ครั้งที่ 4 เพิ่งสิ้นสุดลงวานนี้ (23 ต.ค.) หลังประชุม 4 วัน ในโรงแรมจิ้งซีของกองทัพฯ กลางกรุงปักกิ่ง โดยมีสมาชิกคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ทั้งชุดระจำและหมุนเวียน เข้าร่วมมากกว่า 360 คน
หลักใหญ่ใจความในที่ประชุมครั้งนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เรียกร้องให้มีการปฏิรูปการปกครองประเทศโดยเปลี่ยนมาใช้หลักนิติวิธี (rule by law) ซึ่งที่ประชุมก็รับรองในหลักการแล้ว
สื่อทางการจีนรายงานว่า นี่เป็นครั้งแรกที่การประชุมประจำปีของพรรคฯ เน้นพิจารณาการปฏิรูปกฎหมาย
แถลงการณ์หลังการประชุมระบุว่า “หลักนิติวิธีแบบสังคมนิยมมีพื้นฐานอยู่ที่ความเป็นผู้นำของพรรคฯ การสนับสนุนค้ำจุนรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อก่อให้เกิดหลักนิติวิธี และคณะกรรมการประจำสภาผู้แทนก็จำต้องมีกลไกที่เข้มแข็งในการเฝ้าระวังการละเมิดรัฐธรรมนูญ” อีกทั้งยังมีการระบุเพิ่มเติมว่า ทางการจะไล่ตรวจสอบและลงโทษเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปแทรกแซงกระบวนการทางกฎหมาย
นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ยังระบุ เรียกร้องให้มีการพัฒนาบทบาทนำของพรรคฯ ในการออกกฎหมาย เพิ่มการปกป้องเจ้าหน้าที่ตุลาการให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างลุล่วง
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ในแถลงการณ์ไม่มีการเอ่ยถึงการดำเนินคดีนายโจว หย่งคัง อดีตซาร์ด้านความมั่นคงของจีน แต่อย่างใด
ปัจจุบันนายโจว อยู่ระหว่างการถูกสอบสวนเนื่องจากเป็นศูนย์กลางเครือข่ายการทุจริตขนาดใหญ่ เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจในหลายภาคส่วน ในขณะที่เครือข่ายคนใกล้ชิดการทุจริตของเขากลับถูกที่ประชุมฯ ครั้งนี้ ปลดสมาชิกภาพของพรรคฯ อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ทั้งนายเจียง เจี๋ยหมิน อดีตผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการดูแลและจัดการทรัพย์สินของรัฐ นายหวัง หย่งชุน อดีตรองผู้จัดการทั่วไปของซีเอ็นพีซี (CNPC) บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ในจีน นายหลี่ ชุนเฉิง อดีตรองเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน สาขามณฑลเสฉวน และนายหลี่ ตงเซิง อดีตอดีตรองรัฐมนตรีกระทรวงพิทักษ์สันติราษฎร์
ในการนี้ ยังมีการสั่งปลดนายวั่น ชิ่งเหลียง อดีตเลขาธิการพรรคฯสาขามณฑลก่วงตง และนายหยัง จินซัน อดีตรองผู้บังคับการกองทัพปลดแอกประชาชนในเฉิงตู ออกจากตำแหน่งคณะกรรมการกลาง ในข้อหาทุจริต โดยทั้งสองถูกขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคฯ ด้วยเช่นกัน
ด้านนักวิเคราะห์ชี้ว่า แถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนายโจว หย่งคัง อาจประกาศออกมาในไม่กี่วันนี้ หลังจากที่คณะกรรมการตรวจสอบวินัยฯ จัดประชุมใหญ่ในหน่วยตนเอง
ทั้งนี้ นอกเหนือจะรูดซิปปากเรื่องนายโจว แถลงการณ์ฯ ก็ไม่ระบุถึงโผใหม่ในคณะกรรมาธิการทหารแห่งชาติ ทำให้หลายคนมองว่า การไม่เอ่ยถึงสองประเด็นนี้อาจเป็นเพราะประธานาธิบดีสี กำลังเผชิญกับอุปสรรคภายในพรรคฯในการเดินหน้าเรื่องดังกล่าว แม้นายสีจะมีฐานเสียงจากการเดินหน้านโยบายปราบทุจริต ดังที่ผู้สังเกตการณ์ กล่าวไว้
ในส่วนปัญหาการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยของฮ่องกง ที่ประชุมฯ แถลงว่า ควรรักษาหลักการ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ไว้และดูแลสิทธิของประชาชนให้เป็นไปตามกฎหมาย อันเป็นสัญญาณบ่งบอกได้ว่า ปักกิ่งจะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับผู้ประท้วงกลุ่มอ็อคคิวพายอย่างแน่นอน
ด้านนายหงอี้ ไหล ศาสตราจารย์ด้านจีนศึกษาจากมหาวิทยาลัยนอตติ้งแฮม กล่าวว่า นายสีต้องการขจัดภาพอันด่างพร้อยของเจ้าหน้าที่พรรคฯ โดยเล็งผลเลิศว่าเขาจะได้ใจจากประชาชนและกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิของพรรคฯ
การประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 18 ครั้งที่ 4 เพิ่งสิ้นสุดลงวานนี้ (23 ต.ค.) หลังประชุม 4 วัน ในโรงแรมจิ้งซีของกองทัพฯ กลางกรุงปักกิ่ง โดยมีสมาชิกคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ทั้งชุดระจำและหมุนเวียน เข้าร่วมมากกว่า 360 คน
หลักใหญ่ใจความในที่ประชุมครั้งนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้เรียกร้องให้มีการปฏิรูปการปกครองประเทศโดยเปลี่ยนมาใช้หลักนิติวิธี (rule by law) ซึ่งที่ประชุมก็รับรองในหลักการแล้ว
สื่อทางการจีนรายงานว่า นี่เป็นครั้งแรกที่การประชุมประจำปีของพรรคฯ เน้นพิจารณาการปฏิรูปกฎหมาย
แถลงการณ์หลังการประชุมระบุว่า “หลักนิติวิธีแบบสังคมนิยมมีพื้นฐานอยู่ที่ความเป็นผู้นำของพรรคฯ การสนับสนุนค้ำจุนรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อก่อให้เกิดหลักนิติวิธี และคณะกรรมการประจำสภาผู้แทนก็จำต้องมีกลไกที่เข้มแข็งในการเฝ้าระวังการละเมิดรัฐธรรมนูญ” อีกทั้งยังมีการระบุเพิ่มเติมว่า ทางการจะไล่ตรวจสอบและลงโทษเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปแทรกแซงกระบวนการทางกฎหมาย
นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ยังระบุ เรียกร้องให้มีการพัฒนาบทบาทนำของพรรคฯ ในการออกกฎหมาย เพิ่มการปกป้องเจ้าหน้าที่ตุลาการให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างลุล่วง
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ในแถลงการณ์ไม่มีการเอ่ยถึงการดำเนินคดีนายโจว หย่งคัง อดีตซาร์ด้านความมั่นคงของจีน แต่อย่างใด
ปัจจุบันนายโจว อยู่ระหว่างการถูกสอบสวนเนื่องจากเป็นศูนย์กลางเครือข่ายการทุจริตขนาดใหญ่ เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจในหลายภาคส่วน ในขณะที่เครือข่ายคนใกล้ชิดการทุจริตของเขากลับถูกที่ประชุมฯ ครั้งนี้ ปลดสมาชิกภาพของพรรคฯ อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ทั้งนายเจียง เจี๋ยหมิน อดีตผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการดูแลและจัดการทรัพย์สินของรัฐ นายหวัง หย่งชุน อดีตรองผู้จัดการทั่วไปของซีเอ็นพีซี (CNPC) บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ในจีน นายหลี่ ชุนเฉิง อดีตรองเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน สาขามณฑลเสฉวน และนายหลี่ ตงเซิง อดีตอดีตรองรัฐมนตรีกระทรวงพิทักษ์สันติราษฎร์
ในการนี้ ยังมีการสั่งปลดนายวั่น ชิ่งเหลียง อดีตเลขาธิการพรรคฯสาขามณฑลก่วงตง และนายหยัง จินซัน อดีตรองผู้บังคับการกองทัพปลดแอกประชาชนในเฉิงตู ออกจากตำแหน่งคณะกรรมการกลาง ในข้อหาทุจริต โดยทั้งสองถูกขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคฯ ด้วยเช่นกัน
ด้านนักวิเคราะห์ชี้ว่า แถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนายโจว หย่งคัง อาจประกาศออกมาในไม่กี่วันนี้ หลังจากที่คณะกรรมการตรวจสอบวินัยฯ จัดประชุมใหญ่ในหน่วยตนเอง
ทั้งนี้ นอกเหนือจะรูดซิปปากเรื่องนายโจว แถลงการณ์ฯ ก็ไม่ระบุถึงโผใหม่ในคณะกรรมาธิการทหารแห่งชาติ ทำให้หลายคนมองว่า การไม่เอ่ยถึงสองประเด็นนี้อาจเป็นเพราะประธานาธิบดีสี กำลังเผชิญกับอุปสรรคภายในพรรคฯในการเดินหน้าเรื่องดังกล่าว แม้นายสีจะมีฐานเสียงจากการเดินหน้านโยบายปราบทุจริต ดังที่ผู้สังเกตการณ์ กล่าวไว้
ในส่วนปัญหาการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยของฮ่องกง ที่ประชุมฯ แถลงว่า ควรรักษาหลักการ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ไว้และดูแลสิทธิของประชาชนให้เป็นไปตามกฎหมาย อันเป็นสัญญาณบ่งบอกได้ว่า ปักกิ่งจะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับผู้ประท้วงกลุ่มอ็อคคิวพายอย่างแน่นอน
ด้านนายหงอี้ ไหล ศาสตราจารย์ด้านจีนศึกษาจากมหาวิทยาลัยนอตติ้งแฮม กล่าวว่า นายสีต้องการขจัดภาพอันด่างพร้อยของเจ้าหน้าที่พรรคฯ โดยเล็งผลเลิศว่าเขาจะได้ใจจากประชาชนและกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิของพรรคฯ