เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - พรรคคอมมิวนิสต์จีนเลิกพูดจาอ้อมค้อม ในการตั้งข้อกล่าวหาสมาชิกพรรค ที่มีความประพฤติแปดเปื้อนมัวหมอง โดยเปลี่ยนจากข้อกล่าวหา ที่ฟังดูดี เช่น “รูปแบบการดำเนินชีวิตที่ด่างพร้อย” และ “เสื่อมทรามด้านศีลธรรม” มาเป็น “การคบชู้” ซึ่งแรง และเร้าอารมณ์ความรู้สึกของสังคมได้เป็นอย่างดี
นักวิจัยบางคนระบุว่า “การคบชู้” ( Adultery) เป็นคำตรงไปตรงมา เข้าใจได้ง่าย และให้อารมณ์ความรู้สึกสำหรับคนส่วนใหญ่ การเปลี่ยนแปลงนี้บ่งชี้ว่า พรรคคอมมิวนิสต์ต้องการกระตุ้นให้สาธารณชนเป็นผู้ตัดสินพฤติกรรมของสมาชิกพรรค ที่ถูกกล่าวหา
“ การคบชู้” เป็นศัพท์ใหม่ ที่ถูกบรรจุไว้ในพจนานุกรมของคณะกรรมาธิการตรวจสอบวินัยของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนในคราวที่พรรคประกาศขับไล่นายไต้ ชุนหนิง อดีตรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทประกันภัยการส่งออกและสินเชื่อของจีน ( China Export & Credit Insurance Corporation) ออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเมื่อเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา ด้วยข้อหาดังกล่าว
ที่ผ่านมาพรรคคอมมิวนิสต์จีนเคยใช้ถ้อยคำ ที่สละสลวยกว่านี้ เช่น “ ศีลธรรมเสื่อมทราม” “ รูปแบบชีวิตที่เสื่อมทราม” หรือ “มีความสัมพันธ์ไม่เหมาะสมกับสตรี”
อย่างไรก็ตาม กรณีที่เป็นข่าวโด่งดังครึกโครมคือคดีของนายปั๋ว ซีไหล อดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สาขานครฉงชิ่ง กับนายหวัง ลี่จวิน ซึ่งเป็นมือขวาของเขานั้น ทางพรรคใช้ถ้อยคำ ที่รุนแรงไปกว่านั้นอีกหน่อยได้แก่ “มีความสัมพันธ์ทางเพศอย่างไม่เหมาะสมและไม่หยุดหย่อนกับสตรีหลายคน”
กระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายซู่ จี หัวหน้าสำนักงานรับเรื่องร้องทุกข์ทางจดหมายและโทรศัพท์ของจีนได้ถูกปลดจากตำแหน่งด้วยข้อหา “ คบชู้”
คณะกรรมาธิการตรวจสอบวินัยประกาศเมื่อวันพุธ ( 2 ก.ค.) ว่า มีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและของรัฐอีก 7 คนถูกไล่ออกจากพรรคในข้อหาทุจริต อีก 5 คนในข้อหาคบชู้ ซึ่ง 3 คนเคยเป็นผู้ช่วยของนายโจว หย่งคัง อดีตผู้คุมนโยบายความมั่นคงของจีน
นักวิจัยประจำสถาบันสังคมศาสตร์ก่วงโจวมองว่า เจ้าหน้าที่ซึ่งถูกกล่าวหาว่า คบชู้ย่อมถูกสังคมประณามมากกว่าการถูกกล่าวหาว่า “เสื่อมทรามด้านศีลธรรม”
ขณะที่นักวิจารณ์การเมืองในกรุงปักกิ่งมองว่า การเปลี่ยนถ้อยคำเช่นนี้เป็นชั้นเชิงทางการเมือง เพื่อสร้างความอัปยศอดสูแก่เจ้าหน้าที่ที่ถูกปลด
ส่วนนักสังเกตการณ์ในฮ่องกงมองทะลุปรุโปร่งว่า เป็นความพยายามของพรรคคอมมิวนิสต์แดนมังกรในการสร้างความชัดเจนกระจ่างแจ้งแก่ประชาชนว่า นโยบายล้างบางเจ้าหน้าที่ประพฤติมิชอบนี้ มีจุดประสงค์เพื่อปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น มิใช่การปราบปรามปรปักษ์ของผู้นำจีนคนใหม่ภายในพรรค หลังจากเกิดข่าวลือหนาหูว่า สงครามต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง มุ่งเป้าหมายกำจัดศัตรู โดยคณะกรรมาธิการตรวจสอบวินัยต้องการระบุข้อกล่าวหา ที่ชัดเจนกว่า “ การละเมิดวินัยของพรรค” เพื่อทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ที่ถูกปลดมิใช่แพะรับบาปจากการต่อสู้ช่วงชิงอำนาจภายในพรรค
ทั้งนี้ การคบชู้ไม่ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายในจีน แต่ในมาตรา 150 ของประมวลระเบียบวินัยของพรรคนั้น ระบุว่า สมาชิกพรรค ที่คบชู้ ต้องถูกไล่ออกจากการเป็นสมาชิกและปลดจากตำแหน่งของทางการทุก ๆ ตำแหน่ง