เอเจนซี - ชาวประชาแดนมังกรจับตาการพิจารณาคดีครั้งประวัติศาสตร์ สืบสาวความผิด “โจว หย่งคัง” อดีตซาร์ความมั่นคงและสมาชิกคณะผู้นำสูงสุดของประเทศ พลิกวิธีปฏิบัติดั้งเดิมที่ไม่แตะต้องเจ้าหน้าที่อาวุโสคนสำคัญในประเด็นอาชญากรรมร้ายแรง
ทางการจีนได้ประกาศเริ่มการไต่สวนนายโจว หย่งคัง อดีตคณะกรรมการประจำกรมการเมืองแห่งพรรคคอมมิวนิสต์ (โปลิตบูโร) และนายใหญ่คุมความมั่นคงภายในประเทศ เมื่อวันจันทร์ (28 ก.ค.) ที่ผ่านมา โดยเป็นคำตอบกระจ่างชัดแก่ผู้สังเกตการณ์ ที่เฝ้ารอดูชะตาชีวิตของอดีตนักการเมืองจีนผู้ยิ่งใหญ่นี้ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็น “เสือใหญ่วงการคอร์รัปชั่น” จะลงเอยเช่นไร
สำนักข่าวซินหวาของทางการจีน ระบุว่า โจวที่เกษียณตัวจากสนามการเมืองไปในปี 2555 กำลังผจญกับกระบวนการสอบสวนความผิดว่าด้วย “การละเมิดระเบียบวินัยพรรคฯ อย่างร้ายแรง” ซึ่งนัยยะเบื้องหลังก็หมายถึงการทุจริตคอร์รัปชั่นนั่นเอง โดยคดีของโจวจะถูกจัดการโดยคณะกรรมการกลางตรวจสอบวินัยแห่งพรรคฯ หรือซีซีดีไอ (CCDI)
การเปิดฉากไต่สวนโจวครั้งนี้นับเป็นเหตุการณ์สำคัญ ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทุกชนชั้นการปกครองของจีน เนื่องจากมันได้บดขยี้ธรรมเนียมเก่าแก่ของพรรคฯ ที่กำหนดขึ้นเมื่อสิ้นสุดยุคปฏิวัติวัฒนธรรม (ค.ศ.1966-1976) อันว่าด้วยการคุ้มครองสมาชิกคณะกรรมการประจำกรมการเมือง หรือโปลิตบูโร ให้พ้นจากการดำเนินคดีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและสังคม
นอกจากนั้นยังเป็นการเสริมขุมพลังอำนาจในมือประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำสูงสุดคนปัจจุบันของจีน ที่ลั่นวาจาสิทธิ์เมื่อครั้งขึ้นกุมบังเหียนบริหารประเทศในช่วงต้นปีก่อน ประกาศสงครามกับปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งเขาระบุว่าได้คุกคามความอยู่รอดของพรรคฯ และประเทศ
ทั้งนี้ เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ สื่อท้องถิ่นฮ่องกง รายงานพิเศษเมื่อเดือน ส.ค. ที่แล้วว่า เหล่าผู้นำจีนทั้งรุ่นปัจจุบันและที่วางมือจากวงการไปแล้ว ต่างเห็นด้วยที่จะเปิดฉากพิจารณาคดีโจว ซึ่งกลายเป็นอดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสทรงอิทธิพล ที่ร่วงจากคานอำนาจเพราะกรณีคอร์รัปชั่น โดยเสริมว่าคดีประวัติศาสตร์แห่งสังเวียนการเมืองจีนนี้ จะส่งผลกระทบไม่ต่างจากพายุบ้าคลั่งกลางมหาสมุทร
บรรดานักวิเคราะห์และแหล่งข่าวใกล้ชิดพรรคฯ เผยว่า การประกาศเอาผิดโจวของทางการจีนอาจมุ่งลดการต่อสู้แย่งชิงอำนาจที่ซ่อนอยู่หลังฉากในหมู่ชนชั้นปกครองระดับสูง และผสานรวมคนในพรรคฯ ให้เป็นหนึ่งเดียวกันก่อนการประชุมสำคัญในเดือน ส.ค.นี้
“มันถือเป็นเรื่องใหญ่มาก” ศาสตราจารย์สตีฟ เจิง ผู้อำนวยการสถาบันนโยบายจีนศึกษา มหาวิทยาลัยน็อตติงแฮมของอังกฤษกล่าว “เพราะได้พังทลายกฎที่อุ้มชูสมาชิกโปลิตบูโรให้อยู่เหนือกฎหมายบ้านเมือง”
“คำประกาศชี้ว่าสุดท้ายเหล่าผู้นำต่างเห็นพ้องต้องกันในนโยบายสำคัญ ซึ่งจะได้ข้อสรุปชัดเจนในการประชุมฤดูร้อน ณ รีสอร์เป่ยไต้เหอ ของกรุงปักกิ่ง” จัง หมิง ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยประชาชนจีนกล่าว ทั้งนี้ การประชุมพรรคฯ ที่ไป๋ไต้เหอ จะจัดขึ้นในเดือน ส.ค.ของทุกปี
ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ก็กล่าวถึงการประชุมเต็มคณะครั้งที่ 4 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 18 ซึ่งชนชั้นนำในพรรคฯ จะร่วมหารือกันในเดือน ต.ค. เพื่อกำหนดทิศทางและนโยบายของการบริหารประเทศ โดยระบุว่า “หลักนิติธรรม” จะเป็นหมุดหมายใหญ่ของที่ประชุม สอดคล้องกับรายงานข่าวเดือน พ.ค. ที่สื่อจีนเผยว่า คณะผู้นำระดับสูงพยายามโน้มน้าวคนในพรรคฯ ว่าคดีของโจวจะเป็นก้าวย่างสู่การส่งเสริมหลักนิติธรรมและปฎิรูประบอบกฎหมายล่าสมัยของประเทศให้ดียิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี หลังจาการรายงานข่าวของซินหวาเพียงไม่นาน กระบอกเสียงพรรคฯ อย่างพีเพิล เดลี ก็เผยแพร่บทความที่ระบุว่า โจวไม่ได้เป็น “เสือตัวสุดท้าย” ของการกวาดล้างเจ้าหน้าที่นักการเมืองคอร์รัปชั่น
“สมาชิกพรรคฯ ที่ก่อทุจริตบางคนกินตำแหน่งถืออำนาจใหญ่อยู่ในมือหยั่งรากลึกและแผ่ขยายเครือข่ายไปทั่ว การต่อกรกับพวกเขาจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เราก็จะต้องทำให้สำเร็จจงได้ มิเช่นนั้นประชาชนชาวจีนอาจไม่เดินเคียงข้างไปกับเรา”
ทางด้านผู้เชี่ยวชาญบางส่วนเชื่อว่า เส้นทางชีวิตของโจวอาจไม่ต่างจากพันธมิตรคนสนิทอย่างปั๋ว ซีไหล อดีตเลขาธิการพรรคฯ ประจำมหานครฉงชิ่ง นักการเมืองดาวรุ่งที่ปัจจุบันต้องโทษจองจำอยู่ในคุกตลอดชีวิตเพราะคดีคอร์รัปชั่น โดยมองว่าขาลงของทั้งคู่นั้นเชื่อมโยงถึงกัน หลังมีข่าวลือว่าโจวเป็นผู้อุปถัมภ์ทางการเมืองของปั๋ว
“ผมเชื่อว่าโจวจะถูกพิจารณาคดีเหมือนกับปั๋ว” จังกล่าว “และอาจได้รับโทษหนักสุดถึงประหารชีวิตโดยรอลงอาญา”
ตู้ กัง ศาสตราจารย์จากโรงเรียนพรรคคอมมิวนิสต์ส่วนกลาง กล่าวว่า ยากที่จะเปิดโปงอาชญากรรมทั้งหมดที่โจวทำ เพราะ “มันนำมาซึ่งวิกฤตครั้งใหญ่กว่าสู่พรรคฯ แน่นอน”
คลิกที่นี่ เพื่อชมต้นฉบับแผนภาพกราฟิคฯ