เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - ชั่วเวลาไม่ถึง 2 ปี ที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ปกครองแดนมังกร เขาฉายแววบุรุษแกร่งผู้มีศักยภาพคนใหม่ในภาวะที่จีนกำลังพยายามผงาดเป็นชาติมหาอำนาจในโลก
วิธีการบริหารประเทศของเขาถูกมองว่าไม่ธรรมดา
ในประวัติศาสตร์จีนยุคใหม่ สีเป็นผู้นำในจำนวนไม่กี่คน ที่ออกตัวแรง แล่นตะบึงไปข้างหน้าเหมือนขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ผิดกับอดีตผู้นำส่วนใหญ่ ที่กุมอำนาจแบบนิ่ง ๆ
ในมุมมองของนักวิเคราะห์หลายคน สีทำเช่นนี้ก็เพราะปรารถนาฝากผลงานจารึกไว้บนแผ่นดินมังกรเทียบเทียมกับเหมา เจ๋อตง และเติ้ง เสี่ยวผิง สองผู้นำที่ยิ่งใหญ่นั่นทีเดียว
เหมาต้องใช้เวลายาวนานฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการกว่าจะผงาดขึ้นเป็นผู้นำชนิดไร้ข้อกังขา ไม่ว่าจะเป็นการสร้างวีรกรรมนำกองทัพแดงเดินทางไกล การทำสงครามกลางเมืองกับพรรคก๊กมินตั๋งและสงครามต่อต้านญี่ปุ่น
ต่อมาจีนก็มีเติ้ง เป็นผู้นำสูงสุด กุมบังเหียนประเทศด้วยอำนาจล้นฟ้า แม้พ้นจากตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการทหาร ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเป็นตำแหน่งบริหารสุดท้ายในปี 2532 แล้วก็ตาม
สำหรับประธานาธิบดีสีนั้น เขาใช้เวลาเพียงแค่ 1 ปี 8 เดือนก็รวบอำนาจไว้ในกำมือได้มากกว่าเจียง เจ๋อหมิน และหู จิ่นเทา ประธานาธิบดีคนก่อน โดยนั่งอยู่หัวโต๊ะของสถาบันทรงอำนาจพร้อมกันถึง 9 สถาบันได้แก่ตำแหน่งประธานาธิบดี เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ประธานคณะกรรมาธิการทหาร และหัวหน้าคณะกรรมาธิการระดับสูง ที่คุมงานความมั่นคง การต่างประเทศ ความมั่นคงด้านไซเบอร์ การปฏิรูปประเทศ และการปฏิรูประบบป้องกันประเทศและการทหารอีกอย่างน้อย 6 คณะ
หงอี้ ไหล อาจารย์ด้านจีนร่วมสมัยศึกษาและการเมืองของมหาวิทยาลัยน็อตติงแฮมในอังกฤษระบุว่า ถ้าเปรียบเทียบกับผู้นำหลายคน ในประวัติศาสตร์ของสาธารณรัฐประชาชนจีน สีอาจเป็นผู้นำคนหนึ่ง ที่กุมอำนาจได้รวดเร็วที่สุด
การประกาศสอบสวนคดีทุจริตของนายโจว หย่งคัง อดีตหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงเมื่อเร็ว ๆ นี้ชัดเจนว่า สีกำลังขยับสร้างฐานอำนาจ
นักวิเคราะห์หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า สีเข้าไปล้วงลูกการทำงานของคณะกรรมการประจำของกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีน (Politburo Standing Committee) ซึ่งเป็นคณะผู้ปกครองสูงสุดและมีเส้นแบ่งอำนาจชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวางนโยบายเศรษฐกิจ โดยนั่งเก้าอี้หัวหน้าชุดเฉพาะกิจในการสำรวจการปฏิรูป ซึ่งเป็นของนายกรัฐมนตรี เพราะสีต้องการเห็นประเทศมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ด้วยชาติกำเนิด ที่แตกต่างจากเจียง และหู ซึ่งพื้นเพเป็นคนธรรมดาสามัญ แต่สีมีบิดาคือสีว์ จงซวิ่น เป็นผู้ร่วมปฏิวัติประเทศมากับเหมา เจ๋อตง จึงทำให้เขาได้รับการเคารพและไว้วางใจในหมู่ชนชั้นผู้ปกครอง
สีมุ่งทำสงครามในแนวรบสำคัญ 2 ด้านคือการกวาดล้างคอร์รัปชั่น และการเชิดชูอุดมการณ์ เพื่อสร้างภาพลักษณ์รัฐบาลมือสะอาด
ในการประชุมเต็มคณะครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 18 เมื่อปี 2556 มีการประกาศปฏิรูปสังคม เศรษฐกิจ และกฎหมายครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ โดยพรรคคอมมิวนิสต์ถึงกับเปรียบเทียบว่า เป็นการประชุมที่มีความสำคัญเท่า ๆ กับการประชุมเต็มคณะครั้งที่ 3 ในปีพ.ศ. 2521 ที่เติ้งได้วางรากฐานการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนั้น เริ่มมีการนำลัทธิผู้นำที่ยิ่งใหญ่เมื่อครั้งสมัยของเหมากลับมาประโคมในสื่อของรัฐ คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยฮ่องกงพบว่า พีเพิ่ลส์เดลี ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์เอ่ยชื่อของสีถี่ขึ้นยิ่งกว่าชื่อของผู้นำพรรคคนอื่น
จากข้อสังเกตของจาง หลี่ฟาน นักประวัติศาสตร์ของพรรคคอมมิวนิสต์ การโฆษณา”หนังสือสีแดงเล่มน้อย” ซึ่งรวบรวมสุนทรพจน์สำคัญของสี คล้ายหนังสือ “คติพจน์เหมาเจ๋อตง” ก็เพื่อบอกให้สังคมรู้ว่า สีนี่แหละคือทายาทของเหมาและเติ้ง
เติ้งได้รับการยกย่องว่า เป็นนักปฏิรูป จากผลงานการบุกเบิก ที่นักประวัติศาสตร์เรียกว่า “การปฏิวัติ” ครั้งที่ 2 ขณะที่สีเองเคยกล่าวว่า เป้าหมายของเขาคือการทำความฝันของจีน ในการกลับไปสู่การเป็นชาติ ที่วัยเยาว์กระปรี้กระเปร่าให้เป็นความจริง
อย่างไรก็ตาม แม้มีอำนาจในมือ แต่สีและคณะผู้บริหารของเขาก็ต้องเผชิญคลื่นลมทางการเมือง ที่รุนแรงกว่าผู้นำรุ่นก่อน ในความเห็นของเฉิง ลี่ ประธานศูนย์จีนจอห์น แอล ทอร์นตัน ของสถาบันบรูกกิงส์ในวอชิงตัน อาทิ ปัญหาช่องว่างคนรวยกับคนจน อันเป็นผลจากเศรษฐกิจที่โตอย่างรวดเร็วในช่วง 3 ทศวรรษ ที่ผ่านมา ปัญหาค่าครองชีพ การทุจริตคอร์รัปชั่น ปัญหาชนกลุ่มน้อย ฯลฯ
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่า สีจะสร้างผลงานความสำเร็จได้มากกว่าเจียง และหู กระนั้นก็ตามยังเห็นว่า สีนั้นกระดูกคนละเบอร์กับเหมา และเติ้ง
มันเร็วเกินไป และเป็นการประจบสอพลอโดยไม่จำเป็น ที่จะยกย่องสีในระดับเดียวกับผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสอง
“ สีแค่ออกตัวได้น่าประทับใจเท่านั้น ยังมีเรื่องให้เขาต้องทำมากกว่านี้ “ หงอี้ ไหลชี้
สตีฟ ซัง หัวหน้าสถาบันจีนร่วมสมัยศึกษาและการเมืองของมหาวิทยาลัยน็อตติงแฮมระบุว่า รอให้สีสามารถเปลี่ยนให้พรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งมีหลายก๊ก ยอมทำงานได้ตามใจนึกเสียก่อน จึงจะเทียบรุ่นกันได้ แต่ตอนนี้ของมันยังไม่แน่
“ มันเร็วเกินไปจริง ๆ ที่จะพันธงว่า เขาคือบุรุษแกร่งในแบบฉบับของเติ้ง” ซังสรุป