เซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์ รายงาน (18 ต.ค.) ว่าเกิดเหตุปะทะกันรุนแรงระหว่างผู้ประท้วงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในเขตมงก๊อก มีช่างภาพต่างชาติถูกจับกุม เมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) แม้ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะเตรียมการเจรจาหาข้อยุติกันในวันอังคารที่จะถึงแล้ว
รายงานข่าวกล่าวว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดคืนพื้นที่บริเวณมงก๊อกเช้าตรู่ของวันที่ 17 ต.ค. กลับปรากฏว่า ได้มีผู้ชุมนุมมากกว่าพันคน หวนกลับมาในตอนเย็นวันเดียวกันทันที และยังได้ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งพยายามกันพื้นที่ผู้ชุมนุมไม่ให้กลับเข้ามาในบริเวณหน้าสำนักงานที่ทำการรัฐบาล ถนนหลงอู่ เขตแอดมิรัลตี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้สเปรย์พริกไทย และกระบองในการผลักดันผู้ประท้วงไม่ให้กลับเข้าพื้นที่ชุมนุม และยังจับกุมผู้ประท้วงจำนวนหนึ่ง โดยหนึ่งในจำนวนนั้นคือช่างภาพต่างชาติ พอลล่า บรอนสไตน์ หลังจากที่เธอกระโดดขึ้นไปบนหลังคารถยนต์คันหนึ่งเพื่อถ่ายภาพ โดยสมาคมนักข่าวต่างประเทศฮ่องกง ได้แถลงประณามว่าเป็นการข่มขู่นักข่าว
ย่าน ชาน วัย 24 ปี ผู้ประท้วงซึ่งอยู่แถวหน้าปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวว่า ในตอนที่เจ้าหน้าที่ประชิดปิดล้อม พวกเขาก็ใช้สเปรย์พริกไทยทันที โดยพวกตนไม่ได้ตอบโต้ใดๆ เลย
ทั้งนี้ ความวุ่นวายและความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมื่อคืนจนถึงอรุณรุ่งของวันนี้ (18 ต.ค.) เป็นครั้งล่าสุด ทั้งที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะเจรจากันแล้วโดยตัวแทนฝ่ายรัฐบาลคือ นางแคร์รี่ แลม หัวหน้าคณะรัฐมนตรี กับ ตัวแทนสหพันธ์นักศึกษา ซึ่งการพูดคุยจะจัดขึ้นในวันอังคาร (21 ต.ค.) ที่จะถึงนี้ ที่สถาบันการศึกษาแพทย์ อเบอร์ดีน ฮ่องกง จุดยืนของผู้ชุมนุมที่นำโดยเหล่านักศึกษารุ่นใหม่ ต้องการสิทธิการเลือกตั้งโดยสมบูรณ์ ตามที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนเคยให้คำสัญญาว่าจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในปี พ.ศ. 2560 แต่เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา รัฐบาลจีนกลับเสนอสมุดปกขาวนโยบายการปกครองฮ่องกงว่า ชาวฮ่องกงจะได้สิทธิเลือกตั้งฯ ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกงที่ผ่านการอนุมัติมาจากคณะกรรมาธิการซึ่งแต่งตั้งโดยรัฐบาลจีนอีกชั้นหนึ่งเท่านั้น
ขณะที่จุดยืนของรัฐบาลฮ่องกง นั้นยังคงสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลปักกิ่ง ด้วยยืนยันว่าได้ทำตามคำมั่นเดิมของผู้นำเติ้ง เสี่ยวผิง ผู้ริเริ่มสูตรปกครอง “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ในการส่งมอบอำนาจปกครองดินแดนฮ่องกงแล้ว โดยอรรถาธิบาย “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ในบทที่สาม ระบุขอบเขตและบรรทัดฐานเกี่ยวกับประชาธิปไตย “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ของฮ่องกงไว้ว่า “ชาวฮ่องกง การปกครองฮ่องกง จะต้องอยู่ภายใต้การบริหารปกครองโดยชาวฮ่องกงผู้เทิดทูนความรักชาติเป็นใหญ่ องค์ประกอบสมาชิกหลักของคณะรัฐบาลเขตบริหารพิเศษแห่งฮ่องกงจะต้องเป็นผู้รักชาติ ผู้รักชาติคือ ผู้เคารพในชนชาติตัวเอง สัตย์ซื่อในการพิทักษ์การฟื้นฟูอธิปไตยดินแดนฮ่องกงของมาตุภูมิ ไม่ทำลายเสถียรภาพและความรุ่งโรจน์ของฮ่องกง ทว่า ก็อาจมีพลังที่อาจทำลายดินแดน ไม่ว่าจากฝ่ายใดก็ตาม หากเกิดความวุ่นวาย รัฐบาลกลางก็ต้องเข้าแทรกแซง ฮ่องกงต้องมีเสถียรภาพ เป็นสิ่งสำคัญหลัก เสถียรภาพของฮ่องกงนั้น นอกจากในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจแล้ว ยังต้องการเสถียรภาพในระบบการปกครอง"
"ผม (เติ้ง เสี่ยวผิง)ได้เคยกล่าวมาแล้ว ระบบการปกครองฮ่องกง มิใช่ระบบการปกครองแบบอังกฤษ ระบบการปกครองแบบอเมริกา และจากนี้ไปจะไม่มีการเลียนแบบระบบระบอบใดของตะวันตก"