ซั่งไห่อิสต์/เอเจนซี- ผลการสำรวจเผย ปัจจุบันจีนมีจำนวนซูเปอร์มหาเศรษฐีมากกว่า 7,600 คน ซึ่งถือว่าเป็นอันดับสองของโลกตามหลังแค่สหรัฐอเมริกาเท่านั้น
การสำรวจจัดทำโดยธนาคารสวิส (Credit Suisse) เผยเมื่อวันอังคาร(14 ต.ค.) ระบุ แผ่นดินใหญ่มีซูเปอร์มหาเศรษฐีเป็นรายบุคคลที่มีสินทรัพย์สุทธิมหาศาล จำนวน 7,600 คน คิดเป็น 6 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มมหาเศรษฐีรายบุคคลทั้งโลก นับเป็นจำนวนมากอันดับสองของโลกเป็นรองแค่อเมริกาเท่านั้น
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขรายได้ของประชาชนจีนเฉลี่ยสูงขึ้นสามเท่า แตะ 21,330 เหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 682,560 บาท อย่างไรก็ดี แม้คนจนจะร่ำรวยขึ้น แต่จากการสำรวจก็พบว่า ช่องว่างความเหลื่อมล้ำของรายได้ในแผ่นดินใหญ่ ไต้หวันและฮ่องกง ก็ยังคงอยู่ ทั้งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นด้วย
ในรายงานการสำรวจฉบับนี้ ยังได้ใช้ดัชนีค่าสัมประสิทธิ์จีนี (Gini coefficient) วัดความเหลื่อมล้ำของรายได้ พบว่าจีนมีความเหลื่อมล้ำฯ มากถึง 72 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าในปี 2543 ที่เคยวัดไว้ 60 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ ยังพบว่า ในกลุ่มซูเปอร์มหาเศรษฐีที่รวยสุดของโลก 10 เปอร์เซ็นต์ มีมหาเศรษฐีจีนติดโผอยู่มากเป็นอันดับสาม รองจากญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ในอันดับสอง และอเมริกาครองแชมปอันดับหนึ่ง แต่ก็คาดการณ์กันว่า จีนจะแซงหน้าญี่ปุ่นได้ไม่ยากในอีก 5 ปีข้างหน้า เพราะเศรษฐกิจแดนปลาดิบอยู่ในช่วงขาลงตลอด 10 ปีมานี้
การสำรวจฯ คาดการณ์อีกว่า ในปี 2562 จีนจะมีเศรษฐีถึง 2.3 ล้านคน คิดเป็นสองเท่าของตัวเลขในปัจจุบัน
นอกจากนี้ แหล่งสร้างความมั่งคั่งใหม่แห่งยุคนี้คือภาคอินเทอร์เน็ต ต่างจากก่อนหน้าที่แหล่งขุดทองมาอยู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบัน 5 ใน 10 ของคนรวยที่สุดในประเทศจีน มาจากภาคธุรกิจอินเทอร์เน็ต จากการจัดอันดับเมื่อต้นปีของสำนักจัดอันดับหูรุ่น แจ็ค หม่า หรือ หม่า อวิ๋น แห่งอาลีบาบา กลายเป็นซูเปอร์มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของจีน โค่นแชมป์เดิม หวัง เจี้ยนหลิน แห่งต้าเหลียน วั่นต๋า กรุ๊ป (Dalian Wanda Group) จากภาคอสังหาริมทรัพย์
การสำรวจจัดทำโดยธนาคารสวิส (Credit Suisse) เผยเมื่อวันอังคาร(14 ต.ค.) ระบุ แผ่นดินใหญ่มีซูเปอร์มหาเศรษฐีเป็นรายบุคคลที่มีสินทรัพย์สุทธิมหาศาล จำนวน 7,600 คน คิดเป็น 6 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มมหาเศรษฐีรายบุคคลทั้งโลก นับเป็นจำนวนมากอันดับสองของโลกเป็นรองแค่อเมริกาเท่านั้น
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขรายได้ของประชาชนจีนเฉลี่ยสูงขึ้นสามเท่า แตะ 21,330 เหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 682,560 บาท อย่างไรก็ดี แม้คนจนจะร่ำรวยขึ้น แต่จากการสำรวจก็พบว่า ช่องว่างความเหลื่อมล้ำของรายได้ในแผ่นดินใหญ่ ไต้หวันและฮ่องกง ก็ยังคงอยู่ ทั้งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นด้วย
ในรายงานการสำรวจฉบับนี้ ยังได้ใช้ดัชนีค่าสัมประสิทธิ์จีนี (Gini coefficient) วัดความเหลื่อมล้ำของรายได้ พบว่าจีนมีความเหลื่อมล้ำฯ มากถึง 72 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าในปี 2543 ที่เคยวัดไว้ 60 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ ยังพบว่า ในกลุ่มซูเปอร์มหาเศรษฐีที่รวยสุดของโลก 10 เปอร์เซ็นต์ มีมหาเศรษฐีจีนติดโผอยู่มากเป็นอันดับสาม รองจากญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ในอันดับสอง และอเมริกาครองแชมปอันดับหนึ่ง แต่ก็คาดการณ์กันว่า จีนจะแซงหน้าญี่ปุ่นได้ไม่ยากในอีก 5 ปีข้างหน้า เพราะเศรษฐกิจแดนปลาดิบอยู่ในช่วงขาลงตลอด 10 ปีมานี้
การสำรวจฯ คาดการณ์อีกว่า ในปี 2562 จีนจะมีเศรษฐีถึง 2.3 ล้านคน คิดเป็นสองเท่าของตัวเลขในปัจจุบัน
นอกจากนี้ แหล่งสร้างความมั่งคั่งใหม่แห่งยุคนี้คือภาคอินเทอร์เน็ต ต่างจากก่อนหน้าที่แหล่งขุดทองมาอยู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบัน 5 ใน 10 ของคนรวยที่สุดในประเทศจีน มาจากภาคธุรกิจอินเทอร์เน็ต จากการจัดอันดับเมื่อต้นปีของสำนักจัดอันดับหูรุ่น แจ็ค หม่า หรือ หม่า อวิ๋น แห่งอาลีบาบา กลายเป็นซูเปอร์มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของจีน โค่นแชมป์เดิม หวัง เจี้ยนหลิน แห่งต้าเหลียน วั่นต๋า กรุ๊ป (Dalian Wanda Group) จากภาคอสังหาริมทรัพย์
