ASTVผู้จัดการออนไลน์/เอเจนซี - สถานการณ์ในวันที่ 8 ของการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยบนเกาะฮ่องกง ยังคงคุกรุ่นด้วยเหตุกระทบกระทั่งระหว่างกลุ่มสนับสนุนและกลุ่มต่อต้านอ็อกคิวพาย ซึ่งมองว่าการประท้วงส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิตและผลประโยชน์ของสังคม ขณะที่ช่วงเย็นกลุ่มผู้ชุมนุมฯ เกิดเสียงแตกเรื่องย้ายที่ชุมนุมหลังบางส่วนหวั่นอันตรายจากมือที่สาม
กลุ่มอ็อกคิวพาย เซ็นทรัล (Occupy Central) ประกาศผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ในช่วงเย็นว่า กลุ่มผู้ชุมนุมในเขตมงก๊กจะย้ายออกไปร่วม “การยึดครอง” ในเขตแอดมิรัลตี้ ขณะที่ผู้ชุมนุมบางส่วนในแอดมิรัลตี้ตัดสินใจล่าถอยจากถนน Lung Wo ในย่านทิม วา อะเวนู (Tim Wa Avenue) บริเวณด้านหน้าที่ทำการของนายเหลียง เจิ้นอิง หัวหน้าคณะผู้บริหารเขตบริหารพิเศษฮ่องกง
กลุ่มผู้ชุมนุมในมงก๊กบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับการละทิ้งฐานชุมนุมไปรวมกับเขตแอดมิรัลตี้ ได้ตะโกน “อยู่ที่มงก๊ก!” และโห่ร้องใส่กลุ่มอาสาสมัครราว 20 คน ที่เลือกย้ายไปแอดมิรัลตี้ โดย Felix Lam อาสาสมัครวัย 18 ปี กล่าวว่า “เราคิดเรื่องนี้มานานกว่าสามวันแล้ว”
“เราไม่อยากเห็นประชาชนถูกทำร้ายไปมากกว่านี้” อาสามัคร Daniel Tang กล่าว “เราจะกลับมา” ถ้านายเหลียงยังเพิกเฉยเสียงของกลุ่มผู้ประท้วง
ทางฝั่งแอดมิรัลตี้ที่เกิดความสับสนขึ้นหลังกลุ่มผู้ชุมนุมหลายสิบคนได้กลับเข้าไปปักหลักยึดถนน Lung Wo อีกครั้ง หลังจากเสียงโหวตส่วนใหญ่เลือกออกจากพื้นที่ดังกล่าว โดย Ben Liu Chi-fung วัย 20 ปี เผยว่า “เราพยายามอย่างยากลำบากเพื่อยึดกุมพื้นที่ตรงนี้ ดังนั้นเราจะไม่ยอมปล่อยไปหากรัฐบาลยังไม่ตัดสินใจทำตามข้อเรียกร้องของเรา”
“ที่ทำงานของนายเหลียงนับเป็นจุดสำคัญ” Tanson Tsui ผู้ชุมนุมรายหนึ่งกล่าว “ผมคิดว่าเราไม่อาจละทิ้งหลักการพื้นฐานของการประท้วงครั้งนี้ ที่ต้องการกดดันรัฐบาลให้ยกเลิกกรอบปฏิรูปการเลือกตั้งอันไม่เป็นธรรมเสีย”
ทั้งนี้ ภายหลังจากช่วงข้ามคืนวันเสาร์สู่วันอาทิตย์ (5 ต.ค.) ซึ่งเป็นวันที่ 8 ของการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย เกิดเหตุปะทะระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนอ็อกคิวพายกับกำลังตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในเขตมงก๊ก โดยเจ้าหน้าที่ซึ่งใช้สเปรย์พริกไทยเข้าระงับเหตุการณ์ ให้เหตุผลว่า กลุ่มผู้ประท้วงไม่ได้ควบคุมอารมณ์และ “หมิ่นประมาททางคำพูด” ทว่าเจ้าหน้าที่มิได้ตอบคำถามที่ว่า “ใช้กำลังเกินกว่าเหตุ” หรือไม่
ด้านกลุ่มสหพันธ์นักศึกษา (Hong Kong Federation of Students) แถลงเงื่อนไขในค่ำคืนที่ผ่านมา ระบุหากรัฐบาลฮ่องกงยินยอมทำตามก็พร้อมตั้งโต๊ะเจรจาอีกครั้ง โดยเงื่อนไข 2 ประการ ได้แก่ ข้อหนึ่ง รัฐบาลต้องสอบสวนเหตุปะทะในเขตมงก๊กระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนกับกลุ่มผู้ต่อต้านอ็อกคิวพาย เซ็นทรัลอย่างละเอียดถี่ถ้วน และข้อสอง สหพันธ์ฯ จะพูดคุยกับนางแคร์รี่ ลัม (Carrie Lam) หัวหน้าคณะรัฐมนตรี หรือสมาชิกคนอื่นๆ ในทีมงานของแคร์รี่เท่านั้น ไม่ใช่นายเหลียง เจิ้นอิง ซึ่งควรลาออกจากตำแหน่ง
โดยช่วงบ่ายวันนี้ รัฐบาลฯ ออกแถลงการณ์ว่า พร้อมพูดคุยกับกลุ่มสหพันธ์นักศึกษาภายใต้เงื่อนไข 2 ประการ คือ ประการแรก กลุ่มผู้ชุมนุมต้องหยุดปิดกั้นสะพานลอยที่เชื่อมตึกสำนักงานใหญ่ของรัฐบาลกับถนนโดยรอบที่ทำการหัวหน้าคณะผู้บริหารเขตบริหารพิเศษ เพื่อการปฏิบัติงานของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐกลับคืนสู่ปกติ ส่วนประการที่สอง เปิดการใช้งานถนนสายหลักทั้งหมดในเขตแอดมิรัลตี้ เพื่อสภาพการจราจรที่เป็นปกติ นำไปสู่การเปิดการเรียนการสอนของโรงเรียนในเขตเซ็นทรัล, เวสเทิร์น และวานไจ๋ ในวันจันทร์ (6 ต.ค.) นี้
ขณะที่นาย Lam Woon-kwong ประธานที่ปรึกษาคณะผู้บริหารเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ให้ความเห็นเกี่ยวกับการแถลงข่าวเย็นวานนี้ของนายเหลียง เจิ้นอิง ที่ยืนกรานสำนักงานรัฐฯ และโรงเรียนต้องเปิดตามปกติในวันจันทร์ และเตือนถึงผลกระทบต่อความปลอดภัย ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม หากการประท้วงยังดำเนินต่อไป โดยนาย Lam ชี้ว่า มันไม่ใช่ “การยื่นคำขาด” แต่อย่างใด
“เราจำต้องดูแลรักษาผลประโยชน์และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนกว่าเจ็ดล้านคนของเมืองให้เป็นปกติสุข” ประธานฯ Lam เอ่ยขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมสลายตัวอย่างสันติ
นาย Andrew Li Kwok-nang อดีตประธานศาลสูงสุดของเกาะฮ่องกง แสดงความเห็นทำนองเดียวกันผ่านบทความบนเว็บไซต์หมิงเป้า สื่อออนไลน์ท้องถิ่น ระบุ “คนวัยหนุ่มสาวนั้นเป็นตัวแทนของอนาคต แม้การประท้วงในหลายวันผ่านมาเป็นไปอย่างสงบ แม้แนวคิดและแรงบันดาลใจต่อประชาธิปไตยของกลุ่มนักศึกษาจะเป็นสิ่งที่เข้าใจได้และน่าเคารพอย่างยิ่ง
“แต่มันก็ขัดขวางการใช้ชีวิตและผลประโยชน์ด้านต่างๆ ของคนในสังคม ซึ่งนักศึกษาต้องเข้าใจและเคารพด้วยเช่นกัน นี้จึงถึงเวลาที่ควรยุติการประท้วง”
“ไม่มีใครอยากเห็นนักศึกษาต้องได้รับบาดเจ็บ ผมขอกล่าวอย่างจริงใจให้หยุดการประท้วงในทันที มิเช่นนั้นอาจเกิดอันตรายต่อชีวิตและความปลอดภัยขึ้นได้”
อนึ่ง โฆษกรัฐบาลฮ่องกงอ้างเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเผย ยอดผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ประท้วงอ็อกคิวพาย เซ็นทรัล ตั้งแต่วันอาทิตย์ (29 ก.ย.) ได้เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 165 ราย ในวันนี้ (5 ต.ค.) โดย ณ เวลา 14.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) มีผู้บาดเจ็บ 9 คน ที่อาการปลอดภัยแต่ยังต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
เวลาประมาณ 13.35 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) พบเหตุชายผู้ประท้วงต่อต้านอ็อกคิวพาย เซ็นทรัล ปีนขึ้นไปด้านบนของสะพานลอยในแอดมิรัลตี้ เรียกร้องจะพูดคุยกับนายอเล็กซ์ ชอว์ (Alex Chow) และนายโจซัว หว่อง (Joshua Wong) สองผู้นำกลุ่มนักศึกษา
“ผมต้องการคุยกับอเล็กซ์ ชอว์ และโจซัว หว่อง ... ผมพกโทรโข่งที่ซื้อมาเองแล้ว ไม่ต้องรบกวนเงินของปู่ (ปักกิ่ง)”
“ผมจะไม่ไปไหนจนกว่าซีเอ็นเอ็น (CNN) หรือบีบีซี (BBC) จะมาทำข่าวที่นี่” ชายที่เผยว่าตนเองแซ่ยิป (เย่ในภาษาจีนกลาง) กล่าว “ผมต้องการให้เรื่องนี้ออกอากาศสดผ่านรายการโทรทัศน์”
ทั้งนี้ ทีมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้เตรียมเบาะยางเป่าลมขนาดใหญ่ไว้ข้างใต้สะพาน เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิด พร้อมเร่งติดต่อนายอเล็กซ์และนายโจซัว โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เสนอบันได้ให้ชายคนดังกล่าวใช้ลงมาแต่เขาปฏิเสธ ทั้งยังเกิดการโต้เถียงกับผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ด้านล่าง อาทิ นักข่าวต่างชาติที่เขาเห็นว่ายืนหัวเราะอยู่ หรือหญิงท้องถิ่นคนหนึ่งที่ตะโกนตำหนิว่าเขารับเงินมาสร้างความวุ่นวาย
สถานการณ์เริ่มตึงเครียดมากขึ้น หลังจากชายบนสะพานขู่จะทำ “บางสิ่ง” หากยังไม่ได้พูดคุยกับผู้นำกลุ่มนักศึกษาทั้งสองคนก่อนเวลาบ่ายสามโมงตรง โดยทีมเจ้าหน้าที่กู้ภัยและผู้หญิงที่เข้ามาเกลี้ยกล่อมพยายามเจรจาให้เขาลงมาจากสะพานเพื่อความปลอดภัย ขณะที่นายอเล็กซ์และนายโจซัวยืนรออยู่ด้านล่าง
สุดท้ายเมื่อเวลา 17.51 น. ชายบนสะพานคนดังกล่าวก็ยอมกลับลงมาหลังผ่านการพูดคุยเกลี้ยกล่อมนานนับชั่วโมง และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวออกไป โดยเขายืนยันว่า “ทำไปเพราะต้องการให้ลูกๆ ของเขาได้กลับไปเรียนหนังสือ ไม่ได้รับเงินจากใครมาสร้างสถานการณ์”
ชมภาพบรรยากาศบางส่วนของการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยในวันที่ 8 บนเกาะฮ่องกง