ASTVผู้จัดการ – ศูนย์รับแจ้งข้อมูลผิดกฎหมายทางอินเทอร์เน็ตของจีนเผยรายงานประจำเดือน ก.ย. ประณาม “เฟซบุ๊ก-ยูทิวบ์” เมินเฉยต่อการประสานงานเพื่อลบเนื้อหาที่เกี่ยวโยงกับกลุ่มก่อการร้ายขบวนการแห่งอิสลามเตอร์กีสถานตะวันออก (ETIM) ที่ประกาศแบ่งแยกดินแดนในมณฑลซินเกียง
เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา ศูนย์รับแจ้งข้อมูลผิดกฎหมายทางอินเทอร์เน็ตของจีน (中国互联网违法和不良信息举报中心) เผยแพร่รายงานประจำเดือนกันยายน 2557 ระบุว่าในเดือนที่ผ่านมาทางศูนย์ได้รับแจ้งเรื่องร้องเรียน 40,271 เรื่อง โดยส่วนใหญ่เป็นการรับแจ้งเกี่ยวกับเนื้อหาลามกอนาจารที่สร้างความเสียหายจำนวน 28,159 เรื่อง เรื่องข้อมูลหลอกลวง 9,350 เรื่อง และเรื่องข่าวโคมลอยในอินเทอร์เน็ตที่สร้างความเสียหาย 509 เรื่อง
รายงานฉบับดังกล่าวระบุด้วยว่าศูนย์รับแจ้งเหตุได้แจ้งเรื่องต่อไปยังเว็บไซต์ผู้ให้บริการข้อมูลข่าวสารดังกล่าวเช่น ไป่ตู้ เทนเซนต์ ซิน่า เถาเป่า ฯลฯ เพื่อจัดการลบข้อมูลที่ผิดกฎหมายต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ รายงานฉบับดังกล่าวระบุด้วยว่ามีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตแจ้งเรื่องการเผยแพร่ข้อมูลของกลุ่มก่อการร้าย คือ กบฏแบ่งแยกดินแดนชาวมุสลิมในเขตปกครองตนเองชนชาติอุยกูร์-ซินเจียง ในนามขบวนการแห่งอิสลามเตอร์กีสถานตะวันออก หรือ ETIM (East Turkestan Islamic Movement) ซึ่งออกมาประกาศสงครามศักดิ์สิทธิ์ หรือ ญิฮาด ผ่านเว็บไซต์ต่างประเทศอย่าง เฟซบุ๊ก (จีนเรียกว่า เหลียนผู่; 脸谱) และ ยูทิวบ์ (จีนเรียกว่า โยวทู่; 优兔) จำนวนหนึ่ง ซึ่งทางศูนย์ฯ ได้ส่งต่อข้อมูลเพื่อขอความร่วมมือให้เว็บไซต์ต่างประเทศทั้งสองแห่งช่วยจัดการข้อมูลดังกล่าวเสีย ทว่า เว็บไซต์ทั้งสองแห่งกลับไม่ตอบสนองต่อการร้องเรียนขอความร่วมมือ ทำให้การลบและจัดการข้อมูลเป็นไปด้วยความล่าช้า
“ศูนย์รับแจ้งข้อมูลจึงขอประณาม เว็บไซต์เฟซบุ๊ก ยูทิวบ์ และเว็บไซต์อื่นๆ ที่เพิกเฉยต่อการแจ้งข้อมูลของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับการก่อการร้าย” รายงานฉบับดังกล่าวระบุ ขณะที่ยืนยันด้วยว่า ในช่วงเดือนที่ผ่านมา มีการเผยแพร่ข้อมูลการก่อการร้ายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของจีนด้วยเช่นกัน โดยข้อมูลดังกล่าวเมื่อได้รับแจ้งก็ถูกลบไปแล้วจำนวน 78 ชิ้น
สำหรับศูนย์รับแจ้งข้อมูลผิดกฎหมายทางอินเทอร์เน็ตของจีน เป็นหน่วยงานหนึ่งภายใต้สมาคมอินเทอร์เน็ตแห่งประเทศจีน หรือ Internet Society of China (ISC)ซึ่งระบุว่าเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนด้านอินเทอร์เน็ตของจีน ทว่า ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เช่นกันว่าสมาคมฯ ดังกล่าวนั้นเป็นองค์กรแนวร่วมกับรัฐบาลจีน