เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์- ผลสำรวจประจำปีเผย บัณฑิตจบใหม่ของจีนยังคงนิยมทำงานกับหน่วยงานรัฐมากที่สุด ด้านกลุ่มที่สนใจประกอบธุรกิจส่วนตัวก็เพิ่มจำนวนขึ้นเช่นกัน
ไช่น่าเอชอาร์ดอทคอม (ChinaHR.com) ทำการสำรวจบัณฑิตใหม่จำนวน 48,000 คน พบว่าส่วนใหญ่ 35.9 เปอร์เซ็นต์ ของบัณฑิตแผ่นดินใหญ่ต้องการทำงานกับหน่วยงานของรัฐ ปักกิ่ง ยูธ เดลี รายงาน
ส่วน 18.9 เปอร์เซ็นต์ ต้องการประกอบธุรกิจส่วนตัว ซึ่งกลุ่มนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว (2556) 2.2 เปอร์เซ็นต์
ด้านนักวิเคราะห์ กล่าวว่า จำนวนคนจีนที่สร้างเนื้อสร้างตัวจนสำเร็จในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีผลต่อสำนึกของการเป็นผู้ประกอบการและสร้างโอกาสใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น
ในขณะที่ 38.9 เปอร์เซ็นต์ของบัณฑิตใหม่ที่เพิ่งจบเมื่อเดือนเม.ย. ปีนี้ (2557) ไม่ทำงานประจำ และที่สวนทางกับสถานการณ์การจ้างงานที่มืดมนอยู่ตอนนี้ ก็คือ เงินเดือนที่พวกเขาคาดหวังกลับสูงขึ้น ทั้งนี้ บัณฑิตใหม่ถึง 77 เปอร์เซ็นต์ในการสำรวจ เลือกตอบว่า พวกเขาคาดหวังเงินเดือนระหว่าง “4,000-5,999 หยวน” หรือราวๆ 2 หมื่น ถึง 3 หมื่นบาท ในขณะที่ปีก่อน 75 เปอร์เซ็นต์ คาดหวังเงินเดือนที่ “2,000-3,999 หยวน” (ประมาณ 1 หมื่น- 2 หมื่นบาท)
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ให้เหตุผลว่า เบื้องต้น การคาดหวังเงินเดือนที่สูงขึ้นเป็นเพราะค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งเด็กจบใหม่ที่เกิดช่วงทศวรรษ 1990 มีแนวโน้มสนใจเรื่องทางเลือกในการใช้ชีวิตมากกว่าคนรุ่นพ่อแม่ของพวกเขา และสิ่งนี้เองที่ทำให้เกิดความคาดหวังเงินเดือนเพิ่มสูงขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้การทำงานในหน่วยงานของรัฐจะให้ทั้งความมั่นคงและประโยชน์ต่างๆ แต่บัณฑิตใหม่ก็สนใจร่วมงานกับภาครัฐน้อยลง ทั้งนี้เพราะเศรษฐกิจโดยรวมเติมโตขึ้น ในขณะที่ประสบการณ์และโอกาสในการทำงานก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ จึงพบว่า ผู้ที่มีประสบการณ์การทำงานมากกว่า 3 ปี จำนวนถึง 33.6 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าพวกเขาต้องการทำงานกับภาคเอกชน ในขณะที่ 23.9 เปอร์เซ็นต์ ยังคงต้องการทำงานกับหน่วยงานของรัฐต่อไป
นอกจากนี้ ในรายงานยังแสดงผลสำรวจ 50 บริษัทที่บัณฑิตใหม่ปรารถนาจะทำงานด้วยมากที่สุด โดยพบว่า บริษัทไชน่า โมบาย (China Mobile) มาเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนธนาคารแห่งชาติจีน (Bank of China) ได้อันดับสองรองลงมา ทั้งนี้ งานด้านการโทรคมนาคมเป็นงานที่เด็กจบใหม่ให้ความสนใจมากที่สุด ตามมาด้วยงานด้านการเงินและด้านอิเล็อทรอนิคส์
ไช่น่าเอชอาร์ดอทคอม (ChinaHR.com) ทำการสำรวจบัณฑิตใหม่จำนวน 48,000 คน พบว่าส่วนใหญ่ 35.9 เปอร์เซ็นต์ ของบัณฑิตแผ่นดินใหญ่ต้องการทำงานกับหน่วยงานของรัฐ ปักกิ่ง ยูธ เดลี รายงาน
ส่วน 18.9 เปอร์เซ็นต์ ต้องการประกอบธุรกิจส่วนตัว ซึ่งกลุ่มนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว (2556) 2.2 เปอร์เซ็นต์
ด้านนักวิเคราะห์ กล่าวว่า จำนวนคนจีนที่สร้างเนื้อสร้างตัวจนสำเร็จในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีผลต่อสำนึกของการเป็นผู้ประกอบการและสร้างโอกาสใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น
ในขณะที่ 38.9 เปอร์เซ็นต์ของบัณฑิตใหม่ที่เพิ่งจบเมื่อเดือนเม.ย. ปีนี้ (2557) ไม่ทำงานประจำ และที่สวนทางกับสถานการณ์การจ้างงานที่มืดมนอยู่ตอนนี้ ก็คือ เงินเดือนที่พวกเขาคาดหวังกลับสูงขึ้น ทั้งนี้ บัณฑิตใหม่ถึง 77 เปอร์เซ็นต์ในการสำรวจ เลือกตอบว่า พวกเขาคาดหวังเงินเดือนระหว่าง “4,000-5,999 หยวน” หรือราวๆ 2 หมื่น ถึง 3 หมื่นบาท ในขณะที่ปีก่อน 75 เปอร์เซ็นต์ คาดหวังเงินเดือนที่ “2,000-3,999 หยวน” (ประมาณ 1 หมื่น- 2 หมื่นบาท)
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ให้เหตุผลว่า เบื้องต้น การคาดหวังเงินเดือนที่สูงขึ้นเป็นเพราะค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งเด็กจบใหม่ที่เกิดช่วงทศวรรษ 1990 มีแนวโน้มสนใจเรื่องทางเลือกในการใช้ชีวิตมากกว่าคนรุ่นพ่อแม่ของพวกเขา และสิ่งนี้เองที่ทำให้เกิดความคาดหวังเงินเดือนเพิ่มสูงขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้การทำงานในหน่วยงานของรัฐจะให้ทั้งความมั่นคงและประโยชน์ต่างๆ แต่บัณฑิตใหม่ก็สนใจร่วมงานกับภาครัฐน้อยลง ทั้งนี้เพราะเศรษฐกิจโดยรวมเติมโตขึ้น ในขณะที่ประสบการณ์และโอกาสในการทำงานก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ จึงพบว่า ผู้ที่มีประสบการณ์การทำงานมากกว่า 3 ปี จำนวนถึง 33.6 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าพวกเขาต้องการทำงานกับภาคเอกชน ในขณะที่ 23.9 เปอร์เซ็นต์ ยังคงต้องการทำงานกับหน่วยงานของรัฐต่อไป
นอกจากนี้ ในรายงานยังแสดงผลสำรวจ 50 บริษัทที่บัณฑิตใหม่ปรารถนาจะทำงานด้วยมากที่สุด โดยพบว่า บริษัทไชน่า โมบาย (China Mobile) มาเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนธนาคารแห่งชาติจีน (Bank of China) ได้อันดับสองรองลงมา ทั้งนี้ งานด้านการโทรคมนาคมเป็นงานที่เด็กจบใหม่ให้ความสนใจมากที่สุด ตามมาด้วยงานด้านการเงินและด้านอิเล็อทรอนิคส์
