ธนาคารกลางจีนตัดลดอัตราเงินสดสำรองฯ กระตุ้นธุรกิจขนาดเล็กและเศรษฐกิจการบริโภคของชนบท

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราเงินสดสำรองของธนาคารพาณิชย์บางแห่ง เพื่อกระตุ้นการทำธุรกิจของบริษัทผู้ประกอบการขนาดเล็ก และระบบเศรษฐกิจการบริโภคในเขตชนบท

รายงานข่าว (10 มิ.ย.) อ้างคำแถลงวานนี้ของธนาคารประชาชนจีน (The People’s Bank of China: PBOC) หรือธนาคารกลางจีน ระบุการปรับลดมาตรการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง (RRR) หรืออัตราเงินสดสำรอง จำนวนร้อยละ 0.5 โดยมีเป้าหมายส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก และระบบเศรษฐกิจการบริโภคของชนบท

มาตรการปรับลดฯ ดังกล่าว ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันจันทร์ (16 มิ.ย.) นี้ จะถูกใช้กับธนาคารพาณิชย์ท้องถิ่นจำนวนสองในสาม บริษัทสินเชื่อรถยนต์ และสถาบันลีสซิ่งต่างๆ ในเขตชนบท โดยมันเกิดขึ้นหลังการประชุมทางเศรษฐกิจเมื่อวันศุกร์ (6 มิ.ย.) ที่ผ่านมา

“แม้เรากล่าวปฏิเสธที่จะไล่ตามเป้าหมายการเติบโตของจีดีพี (GDP) แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่สนใจการเติบโตทางเศรษฐกิจอันสมเหตุสมผล” นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง บอกกับนายกเทศมนตรีนครปักกิ่ง และผู้ว่าการมณฑลเหอเป่ย ซานซี เฮยหลงเจียง เจียงซู เจ้อเจียง กวางตุ้ง และเสฉวน รวม 7 แห่ง ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจ การเงิน การค้าและการลงทุนของจีนแผ่นดินใหญ่

ขณะที่ความคิดเห็นของบรรดานักวิเคราะห์อย่างเรย์มอนด์ หยัง เย่ว์ถิง นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของธนาคารออสเตรเลีย แอนด์ นิวซีแลนด์ (ANZ) เผยว่า การตัดอัตราเงินสดสำรองได้สะท้อนความกังวลใจของคณะมุขมนตรีจีน (คณะรัฐบาล - State Council) และนายกฯ หลี่ ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะละตัวลง

“การปรับ RRR เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ารัฐบาลกำลังพิจารณาการผ่อนปรนมากขึ้นในนโยบายการเงิน” หยังกล่าว “หากข้อมูลเศรษฐกิจในเดือน พ.ค. และ มิ.ย. ไม่ปรากฏการฟื้นตัว ผมคาดว่าจะเกิดการปรับลด RRR ในวงกว้าง เพื่อกระตุ้นการเติบโตมากขึ้น”

ด้านจัง จื่อเหว่ย นักเศรษฐศาสตร์จีนจากบริษัทหลักทรัพย์โนมูระ (Nomura) ประเมินว่าทางการจีนจะอัดฉีดเม็ดเงินกว่า 95,000 ล้านหยวน หรือเกือบ 5 แสนล้านบาท เข้าสู่ตลาดอันเป็นผลของการปรับลดครั้งนี้

ทั้งนี้ นายกฯ หลี่ตอกย้ำว่า การเติบโตของเศรษฐกิจยังคงเป็นสิ่งสำคัญ แม้ภารกิจหลักของรัฐบาลในเวลานี้คือการปรับโครงสร้างระบบเศรษฐกิจในประเทศ โดยเขากระตุ้นเตือนเจ้าหน้าที่รัฐให้ “รับผิดชอบหน้าที่อย่างเต็มขีดความสามารถ” เพื่อบรรลุเป้าหมายเศรษฐกิจของปีนี้

ระหว่างการประชุม หลี่ได้เรียกร้องให้บรรดารัฐมนตรีตั้งกรอบเวลาแก้ไขปัญหาสำคัญที่เหล่าผู้นำมณฑลกล่าวถึงจำนวน 3 ประการ ได้แก่ สินเชื่อขาดแคลน การลงทุนโดยตรงชะลอตัว และการส่งออกอ่อนแอ

“จะไม่มีความล่าช้าในการดำเนินงานใดๆ อีกต่อไป”