"คุณยาย พาน ซิ่วอิง วัย 88 ปี ในหมู่บ้านฉ่านชง ตำบลต้ากวน ปรารถนาได้นอนในโลงไม้ของตน จึงกินยากำจัดศัตรูพืช 4 หน แต่ก็ได้รับการช่วยชีวิตไว้ทัน แพทย์ที่โรงพยาบาลประจำหมู่บ้าน ที่ช่วยชีวิตคุณยาย เล่าการกินยาฆ่าตัวตายครั้งที่ร้ายแรงที่สุด คุณยายอาเจียนออกมาเป็นเลือดมากถึง 2 กิโลกรัม ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านบอกว่า ปกติคุณยายชอบมายืนที่ประตูพูดคุยกับผู้คนสัญจรไปมา ขณะนี้คุณยายได้แต่ยืนเกาะประตูหมดอาลัยตายอยาก ลูกหลานจึงได้ไปอ้อนวอนทางการ ช่วยระงับการเก็บโลงศพไว้ก่อนชั่วคราว วันที่ 24 พ.ค. คุณยายพูดราวกับเพ้อว่าโลงศพไม้เป็นความหวังเดียวที่ทำให้เธอมีชีวิตต่อไป"
ASTVผู้จัดการออนไลน์--จากรายงานข่าวกลุ่มสื่อจีน รัฐบาลท้องถิ่นเมืองอันชิ่งของมณฑลอันฮุย ฉีกจารีตประเพณีฝังศพแบบเก่า ปฏิรูปแบบสายฟ้าแลบ สั่งให้ประชาชนฌาปนกิจศพ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ตามเก็บโลงศพตามบ้านเรือนมาทำลายทิ้ง ผู้เฒ่าหลายคนรับไม่ได้ ชิงปลิดชีพตัวเอง โดยการผูกคอตาย กินยาฆ่าแมลง โดดบ่อน้ำ เชือดคอ ฯลฯ ก่อนวันที่มาตรการฯมีผลบังคับใช้ เพื่อที่จะได้ “นอนในโลงไม้ เดินทางสู่ปรโลก”
ในวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา โลงศพกว่า 40 หลัง ถูกทำลายทิ้งกลางที่รกร้างในหมู่บ้านซินเตี้ยน โถงเฉิง เขตเมืองอันชิ่ง มณฑลอันฮุย ในวันถัดมา(25 พ.ค.) รองผู้อำนวยการกรมโฆษณาการเมืองโถงเฉิง นาย อู่ เจี้ยนเฉียง ยังแถลงอีกว่า จากการสำรวจทั่วทั้งเมืองโถงเฉิง มีโลงศพจำนวนทั้งสิ้น 46,000 หลัง ในจำนวนนี้ถูกทำลายไปแล้ว 45,000 หลัง ยังคงเหลืออีก ราวกว่า 800 หลัง ที่หลงเหลืออยู่ตามบ้านเรือน
**********
“โลงศพของฉัน...เป็นความหวังเดียวที่ฉันมีชีวิตอยู่ต่อไปได้” คุณยาย พาน ซิ่วอิง วัย 88 ปี
ในโลกความคิดของ ซือ เสวียเหวิน วัย 88 ปี “โลงศพคือบ้านหลังสุดท้ายของชีวิต” “เมื่อตายก็ต้องการที่จะนอนในบ้านที่อาจกันฝนกันลม นี่คือ ความหมายของโลงศพ”
ทว่า อยู่มาวันหนึ่งในวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลท้องถิ่นเมืองอันชิ่งก็มาปฏิรูปพิธีศพโดยออกกฎข้อบังคับโดยให้ชาวบ้านฌาปนกิจศพแทนการฝังแบบประเพณี พร้อมกับให้ส่งมอบโลงศพแก่เจ้าหน้าที่ นำไปทำลายทิ้ง ผู้เฒ่าได้ยินข่าวนี้ต่างก็จิตใจสลาย
จากนั้นมาก็มีข่าวการอัตวินิบาตกรรมของเหล่าผู้เฒ่าที่มิอาจทำใจยอมรับกฎใหม่ดังกล่าว พวกเขาได้ชิงปลิดชีพตัวเองไปเสียก่อนวันบังคับใช้กฎฯคือวันที่ 1 มิ.ย.เพื่อที่จะได้นอนในโลงศพ
ในต้นเดือนเม.ย. จู จื้ออี๋ว์ ผู้นำกลุ่มชาวบ้านได้ไปยังที่ประชุมหมู่บ้าน ที่ประชุมฯได้สั่งให้เขาลงทะเบียนโลงศพทั้งหมดในแต่ละครัวเรือน
“ชาวบ้านไม่มีสิทธิที่จะตัดสินเลือกว่าจะเก็บหรือส่งมอบโลงศพ คำสั่งระบุว่าหากพวกเขาเลือกที่จะเก็บโลงศพไว้ก็ให้ทุบทิ้งในทันที หากพวกเขาไม่ต้องการเก็บฯไว้ กรรมการหมู่บ้านก็จะไปช่วยขนย้ายออกไป” จูกล่าว
ในวันที่ 18 เม.ย. เจ้าหน้าที่ก็เริ่มไปตามบ้านแต่ละหลัง ลงทะเบียนโลงศพ คุณยาย เจียง ซิ่วหวา วัย 88 ปี ได้ผูกคอตายที่ต้นไม้หลังบ้าน หลานชายของยายเจียงบอกกับผู้สื่อข่าว เดอะ เป่ยจิง นิวส์ (The Beijing News) ว่า ยายได้ทิ้งโน้ต บอกว่าโลงศพของเธอจัดเตรียมไว้เรียบร้อยมานาน 10 ปี
ห่างจากบ้านของพานไป 20 กิโลเมตร ก็เป็นบ้านของคุณตาอู๋ เจิ้งเต๋อ วัย 91 ปี ในหมู่บ้านซินเตี้ยน ตาอู๋ผูกคอตายเมื่อวันที่ 6 พ.ค. หนึ่งชั่วโมงหลังจากที่เขาได้ยินข่าวว่าโลงศพของเขาจะถูกเก็บไปทำลายทิ้ง
สัปดาห์ต่อมา อู๋ ซิ่วลี่ วัย 97 ปี ก็อำลาโลกหลังการประท้วงอดอาหาร
“หากไม่มีเรื่องการปฏิรูปพิธีศพ พ่อของผมก็อาจจะมีชีวิตผ่าน 100 ปี” ลูกชายของอู๋ กล่าว
หลังจากที่อู๋อำลาโลกไปแล้ว วันถัดมา ยาย จาง เหวินอิง วัย 81 ปี ก็ตามติดไปยังปรโลกด้วยอีกคน ยายจางผูกคอตายเมื่อได้ยินข่าวคำสั่งให้เผาศพ...จากคำบอกเล่าของลูกสะใภ้
ด้านรัฐบาลท้องถิ่นระบุการเสียชีวิตของเหล่าผู้เฒ่าแบบเรียงคิวติดๆกันนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับการประกาศกฎปฏิรูปพิธีศพ
“ในประเทศที่พื้นที่กว้างใหญ่อย่างจีนนี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่คนมีอายุ จะแก่ชราลง ล้มป่วย แล้วก็ตายไป” กาน เจิ้น ผู้อำนวยการกรมโฆษณาการแห่งเมืองอันชิง กล่าว
เมื่อวันอาทิตย์(25 พ.ค.)ที่ผ่านมา หัวหน้าหมู่บ้านซินเตี้ยน หยาง วั่นเซิง บอกว่า ชาวบ้านบางคนไม่เข้าใจนโยบายอย่างชัดเจนและคิดว่ามันจะสร้างภาระแก่ครอบครัว พวกเขาก็เลือกปลิดชีพตัวเอง
แต่บางคนก็ไม่ได้ต่อต้านการฌาปนกิจศพ หรือกฎใหม่แต่อย่างใด ชาวบ้านคนหนึ่ง ชื่อ อู๋ ต้าหวัง บอกว่ากลุ่มคนวัยหนุ่มและวัยกลางคน ไม่มีปัญหาทั้งการฝังหรือการเผา แต่บรรดาผู้เฒ่านั้น ได้เตรียมโลงศพของตัวเองมาเป็นสิบๆปีแล้ว
“เราน่าจะมีนโยบายที่ยืดหยุ่น หรือไม่ก็ให้เวลาแก่ผู้เฒ่าได้ทำใจยอมรับ” บุตรชายของอู๋ กล่าว
อู๋ เจี้ยนเฉียง นายใหญ่หน่วยโฆษณาการในโถงเฉิง ในมณฑลอันฮุย บอกกับ เป่ยจิง นิวส์ ว่า เขาคิดว่ากฎใหม่โหดร้ายเกินไป เจ้าหน้าที่ควร พิจารณาผ่อนปรนให้มีพิธีฝังศพแก่กลุ่มผู้เฒ่า แต่พวกเขาก็ไม่ยอม”
ภาพบรรยากาศผู้เฒ่าผู้แก่จิตใจสลายในหมู่บ้าน ตำบลต่างๆในเมืองอันชิ่ง มณฑลอันฮุย พวกเขาทำใจไม่ได้กับการปฏิรูปพิธีศพ ชิงปลิดชีวิตตัวเองก่อนวันบังคับใช้กฎใหม่ (ภาพ สื่อจีน)
รูปถ่ายและข้าวของของคุณยาย หลิ่ว เส้าเหลียน วัย 68 ปี ในหมู่บ้านโต่วกัง ตำบลหลี่ว์ถิง คุณยายหลิ่วใจดี สุขภาพแข็งแข็งมาตลอดในตอนมีชีวิตอยู่ เมื่อวันที่ 25 เม.ย. คุณยายเปิดฝาบ่อน้ำในห้องครัวที่หนัก กว่า 10 กก. กระโดดบ่อน้ำฆ่าตัวตาย (ภาพ เอเจนซี)
เฉิน เย่ว์ เล่าการฆ่าตัวตายของพี่สะใภ้แก่ผู้สื่อข่าวจีน นางบอกว่าพี่ชายออกไปซื้อของ พอมาถึงก็พบว่าอาม่ากระโดดบ่อน้ำตายเสียแล้ว ปกติบ่อน้ำนี้ไม่มีคนใช้ ฝาปิดบ่อทำจากดินหนักกว่า 10 กิโลกรัม พี่สะใภ้กระโดดบ่อน้ำ ที่ข้างบ่อมีเส้นด้ายจากรองเท้าแตะทิ้งอยู่ จากนั้นพวกเขาก็ไปตามคนมาช่วยเปิดบ่อนำร่างของอาม่าขึ้นมา
ที่หมู่บ้านหลี่ว์ถิง ตำบลหลี่ว์ถิง โถงเฉิง หู เหมิ่งหายวัย 7 ขวบ ถือภาพถ่ายของอาม่าสุดที่รัก นางเจิ้ง ซือฟาง วัย 83 ปี ร้องไห้ เมื่อวันที่ 8 พ.ค.เจ้าหน้าที่กรรมการหมู่บ้านหลี่ว์ถิง ได้มายึดโลงศพโดยไม่ถามสักคำว่าจะเก็บไว้ทำลายเองหรือจะให้เอาออกไป ลงมือทุบโลงศพต่อหน้าต่อตาอาม่า ลูกชายของอาม่าเล่าว่า “เจ้าหน้าที่บอกว่าการเก็บโลงศพเป็นนโยบายของทางการ เราไม่กล้าขัดขืน อาม่าเจิ้งมองดูเจ้าหน้าที่ทุบโลงศพของตนด้วยอาการช็อก เป็นลมล้มลง “หลังจากที่พยายามกินยานอนหลับฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ เช้าวันรุ่งขึ้น อาม่าก็ผูกคอตายกลางบ้าน”
ลูกหลานของอาม่า เจิ้ง ซือฟาง ร้องไห้จิตใจสลายเมื่ออาม่าผูกคอตาย ลูกหลานได้จัดพิธีศพแบบประเพณีส่งดวงวิญญาณอาม่าสู่สุคติ
ต้นไม้ถูกโค่นทิ้งในหมู่บ้านโต่วกัง ตำบลหลี่ว์ถิง เมื่อวันที่ 6 พ.ค. คุณปู่ อู๋ เจิ้งเต๋อ วัย 91 ปี ได้ผูกคอตายที่ต้นไม้ต้นนี้หลังจากที่ได้ยินข่าวเจ้าหน้าที่จะมาเก็บโลงศพของคุณปู่ไปทุบทิ้ง ญาติๆของคุณปู่ได้ยึดถือประเพณีความเชื่อเก่าแก่ จึงได้ฟันต้นไม้นี้ทิ้ง และเผาไปพร้อมกับข้าวของเครื่องใช้ของคุณปู่
ภาพ โลงศพกว่า 40 หลัง ถูกทำลายทิ้งบริเวณที่รกร้างในหมู่บ้านซินเตี้ยน โถงเฉิง เมืองอันชิ่ง เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา (ภาพ เอเจนซี)
โลงศพที่ถูกทุบทิ้งในตำบลหลี่ว์ถิง เมืองอันชิ่ง (ภาพ เอเจนซี)