xs
xsm
sm
md
lg

จีนจับแก๊งผลิตระเบิดในซินเจียง ยึดวัตถุดิบร่วม 2 ตัน คณะผู้นำฯ ย้ำใช้ไม้แข็ง-ไม้อ่อนในคราวเดียวกัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เจ้าหน้าที่ทหารติดอาวุธบนรถบรรทุกที่วิ่งอยู่ในนครอุรุมชีของซินเจียง วันที่ 23 พ.ค. (ภาพ เอพี)
เอพี/เอเอฟพี - ตำรวจซินเจียงจับแก๊งผลิตระเบิด สกัดแผนก่อเหตุรุนแรงได้ทันเวลา ด้านโปลิตบูโร หรือคณะผู้นำสูงสุดของจีนเน้นย้ำการปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายจริงจัง พร้อมส่งเสริมระบบการศึกษา การจ้างงานในท้องถิ่นควบคู่กันไป

เว็บไซต์เทียนซาน (ts.cn) ของรัฐบาลท้องถิ่นซินเจียง รายงาน (27 พ.ค.) ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองโฮทันได้ทลายแหล่งซ่องสุมผลิตระเบิดสองแห่ง โดยจับกุมผู้ต้องสงสัย 5 ราย พร้อมวัตถุดิบประกอบระเบิดน้ำหนักกว่า 1.8 ตัน และระเบิดบางส่วนที่ประกอบเสร็จแล้ว ในวันจันทร์ (26 พ.ค.) ที่ผ่านมา

กลุ่มคนร้ายได้เริ่มผลิตวัตถุระเบิดในช่วงหลายวันมานี้ โดยมุ่งปฏิบัติการ “ขับขี่ยานพาหนะเข้าไปในย่านชุมชนแออัด และก่อเหตุระเบิด” ในเมืองโฮทัน ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของเขตปกครองตนเองชนชาติอุยกูร์ มณฑลซินเจียง ดินแดนอันห่างไกลของจีนตะวันตก

นอกจากนั้นบรรดาสมาชิกแก๊งคนร้ายได้ศึกษากลวิธีการก่อเหตุความไม่สงบจากวีดีโอและเอกสารประเภทต่างๆ ของพวกลัทธิหัวรุนแรงทางศาสนาและลัทธิก่อการร้าย และหัวหน้าแก๊งยังได้สั่งการให้ลูกน้องไปตามหาวัตถุดิบทำระเบิดจากเมืองอุรุมชีและที่อื่นๆ ทั่วประเทศอีกด้วย

การจับกุมเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังเหตุคนร้าย 5 ราย ขับรถไล่ชนผู้คนและระเบิดพลีชีพกลางตลาดสดนครอุรุมชี เมืองเอกของซินเจียง เมื่อเช้าวันพฤหัสบดี (22 พ.ค.) จนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 39 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 90 คน โดยรัฐบาลปักกิ่งและรัฐบาลวอชิงตันของสหรัฐฯ ต่างกล่าวประณามการก่อการร้ายครั้งนี้

ด้านคณะผู้นำของรัฐบาลจีนก็ได้ประกาศปฏิบัติการปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายในซินเจียงเป็นเวลา 1 ปี โดยมุ่งขจัดพวกลัทธิศาสนาสุดโต่ง กลุ่มเคลื่อนไหวใต้ดิน และค่ายฝึกฝนลัทธิก่อการร้าย ที่แอบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่

ทั้งนี้ ซินเจียง ถิ่นอาศัยของชนชาติอุยกูร์ผู้นับถือศาสนาอิสลามและพูดภาษาเตอร์กิก ต้องประสบกับการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบบ่อยครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งชาวบ้านท้องถิ่นและนักวิชาการบางส่วนชี้ว่าเป็นเพราะนโยบายกดขี่ควบคุมชาวอุยกูร์ ทั้งด้านชีวิตความเป็นอยู่ ศาสนา และวัฒนธรรมประเพณี ขณะที่ทางการจีนระบุว่าเป็นฝีมือของพวกลัทธิแบ่งแยกดินแดนที่ต้องการหั่นแผ่นดินจีนออกไปตั้ง “เตอร์กิสถานตะวันออก” (East Turkestan) ของตัวเอง

ในวันที่ 30 เม.ย. ระหว่างที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เดินทางตรวจเยี่ยมพื้นที่ซินเจียงเป็นวันสุดท้าย ก็เกิดเหตุโจมตีสถานีรถไฟนครอุรุมชี ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 79 คน และเดือน มี.ค. กลุ่มคนร้ายก็บุกไล่ฟันผู้คนในสถานีรถไฟนครคุนหมิงของมณฑลยูนนาน มีผู้เสียชีวิต 29 ราย บาดเจ็บ 143 คน ซึ่งชาวเน็ตฯ และสื่อจีนยกให้เป็นเหตุการณ์ “9/11” ของแดนมังกร
ผู้โดยสารเข้าแถวรอการตรวจเช็คสัมภาระเพื่อความปลอดภัย ก่อนเข้าสู่สถานีรถไฟใต้ดินเทียนถงหยวนในกรุงปักกิ่ง ระหว่างชั่วโมงเร่งด่วนของวันอังคาร (27 พ.ค.) (ภาพ รอยเตอร์ส)
ซินหวา สื่อทางการจีน รายงานการประชุมของคณะกรรมการประจำกรมการเมือง หรือโปลิตบูโร ซึ่งเป็นคณะผู้นำสูงสุดของจีน ในวานนี้ ได้สรุปย้ำว่า “การปราบปรามเหตุก่อการร้ายเป็นจุดสำคัญยิ่งยวดในปัจจุบัน” และ “จำต้องต่อต้านและต่อกรกับความพยายามแบ่งแยกดินแดนอย่างเด็ดขาด”

ทางการได้ประกาศยกระดับมาตรการความมั่นคง โดยระดมกำลังตำรวจติดอาวุธเข้าประจำการสถานที่ต่างๆ ในหัวเมืองใหญ่ โดยล่าสุด ณ นครหลวงปักกิ่ง ก็มีการลาดตระเวนตามสถานีรถไฟ โรงเรียน โรงพยาบาล และตลาด คอยตรวจตราความปลอดภัยอย่างเข้มงวด และสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สื่อจีนเผยว่า ทางการจับกุมผู้ต้องสงสัยเป็นคนร้ายได้มากกว่า 200 คน กับวัตถุระเบิดมากกว่า 200 ชิ้น ทั่วซินเจียงในเดือน มี.ค.

นอกจากนั้น คณะปูลิตบูโรยังได้เน้นถึงความจำเป็นในการพัฒนาระบบการศึกษา การจ้างงาน และบูรณาการชนกลุ่มน้อยในซินเจียง อาทิ ขยับขยายการศึกษาระบบสองภาษา ยกเลิกการจัดเก็บค่าเล่าเรียนในโรงเรียนมัธยม และรับประกันว่าสมาชิกอย่างน้อยหนึ่งคนของทุกๆ ครอบครัวจะมีงานทำ เป็นต้น

อย่างไรก็ดี บรรดาผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ และนักสิทธิมนุษยชน ตั้งคำถามต่อข้อสรุปของรัฐบาลจีนที่บอกว่าเหตุรุนแรงในซินเจียงขับเคลื่อนโดยพวกลัทธิศาสนาสุดโต่งซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มก่อการร้ายต่างชาตินั้น มีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงไร หากจีนกำกับควบคุมข้อมูลข่าวสารในพื้นที่อย่างเข้มงวดอยู่ตลอดเช่นนี้

“การยัดเยียดทัศนคติและบีบบังคับชาวอุยกูร์ให้ยอมรับความเป็นหนึ่งเดียวกับจีน เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้” Dilshat Rexit โฆษกของสภาอุยกูร์โลกกล่าววิจารณ์นโยบาย “กำปั้นเหล็ก” ของทางการจีน

“ทางการจีนไม่ได้มีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาที่แก่นรากอย่างจริงจัง”

กำลังโหลดความคิดเห็น