เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - จีนเตรียมจัดการฝึกซ้อมรับมือหายนภัยนิวเคลียร์ครั้งใหญ่ระดับชาติที่มณฑลก่วงตง (กวางตุ้ง) ในปีหน้า
จากรายงานของสำนักข่าวซินหวาของทางการจีน " เฉินตุ้น ( หรือ “เกราะจากสวรรค์) 2015" จะเป็นการฝึกซ้อมรับมือด้านนิวเคลียร์ครั้งแรกของจีนในรอบ 5 ปี
นายเหยา ปิน รองผู้อำนวยการสำนักงานตอบโต้เหตุฉุกเฉินด้านนิวเคลียร์แห่งชาติ ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่งระบุว่า การฝึกซ้อมนี้จะขยายขอบเขต และมีความก้าวหน้ามากกว่า ที่เคยจัดมา โดยมีรัฐบาลกลาง รัฐบาลท้องถิ่น และผู้ปฏิบัติการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เข้าร่วม
เขาระบุว่า ที่ผ่านมาจีนมีการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับภัยพิบัตินิวเคลียร์ โดยดำเนินมาตรการอย่างครอบคลุม เพื่อสร้างระบบรับมือในระดับชาติ
“ จีนพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มานานกว่า 5 ทศวรรษ และชาติของเรายังคงรักษาสถิติความปลอดภัยด้านนิวเคลียร์ที่ดีไว้ได้” นายเหยากล่าวกับซินหวา
นายหวง หมิน ผู้ประสานงานความปลอดภัยด้านนิวเคลียร์ร่วมกับสำนักงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี่ และอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศระบุว่า การฝึกซ้อม ที่จัดขึ้นนี้เป็นการจำลองสถานการณ์อุบัติเหตุ ที่เกิดขึ้น ขณะกำลังมีการใส่เชื้อเพลิงใหม่ (refuelling process) โดยนำแท่งเชื้อเพลิงยูเรเนียมใหม่มาใส่แทนแท่งเชื้อเพลิงที่หมดไป
ขณะนี้กำลังมีการจัดทำแผนการฝึกซ้อมในขั้นสุดท้าย อย่างไรก็ตาม เขายืนยันว่า สถานที่ฝึกซ้อมอยู่ในมณฑลก่วงตง เนื่องจากเป็นที่ตั้งของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่กำลังใช้งาน และที่กำลังมีการก่อสร้างมากกว่าในมณฑลอื่น
ทั้งนี้ จีนเคยจัดการฝึกซ้อมรับมือเหตุฉุกเฉินด้านนิวเคลียร์ระดับชาติครั้งแรกที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เทียนหวัน เมืองเหลียนหยุนกัง มณฑลเจียงซู เมื่อปี 2552 โดยจำลองสถานการณ์ว่า เกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีจากเตาปฏิกรณ์ครั้งใหญ่ จากนั้น กองกำลังทหารและหน่วยงานรัฐบาลฝ่ายพลเรือนได้รุดไปยับยั้งการรั่วไหล และอพยพชาวบ้านออกมายังเขตปลอดภัย
ปัจจุบัน จีนมีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ซึ่งกำลังใช้งานทั้งหมด 19 แห่ง และกำลังมีการก่อสร้างอีก 29 แห่ง ซึ่งนับว่า มีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์มากที่สุดในโลก โดยมณฑลก่วงตงมีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ 3 แห่งได้แก่ที่อ่าวต้าย่า หลิ่งเอ้า และหยังเจียง
โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่อ่าวต้าย่า ซึ่งเริ่มใช้การในปี 2537 นับเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในเชิงพาณิชย์เก่าแก่ที่สุดในประเทศ
ขณะนี้ รัฐบาลปักกิ่งกำลังสร้างคณะผู้เชี่ยวชาญจำนวน 300 คน ซึ่งคัดเลือกจากบุคลากรในกองทัพ และจะได้รับการฝึกอบรมในการเข้าไปยังเขตหายนภัยนิวเคลียร์ เพื่อควบคุมความเสียหาย และลดอันตรายจากนิวเคลียร์ อันเป็นการเสริมสร้างความสามารถในการตอบโต้เหตุฉุกเฉินด้านนิวเคลียร์ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
