เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ - ตลอดระยะเวลา 26 ปีที่ผ่านมา แดนมังกรผลัดเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีแล้ว 4 รุ่นด้วยกัน ซึ่งแต่ละรุ่นต่างก็มีบุคลิกลักษณะของตัวเองเด่นชัด แรกเริ่มที่นายหลี่ เผิง ผู้เชื่องช้าตะกุกตะกัก นายจู หรงจี ผู้เคร่งขรึมแต่ก็เต็มไปด้วยเสน่ห์ หรือนายเวิน จยาเป่า ผู้ชอบสอดแทรกกวีลงในบทสุนทรพจน์ที่เปี่ยมอารมณ์ความรู้สึก ... มาจนถึงนายกรัฐมนตรีคนล่าสุดของจีน นายหลี่ เค่อเฉียง ที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งในเดือน มี.ค. 2556 ด้วยลักษณะท่าทางเฉพาะตัวอันเรียบง่าย จริงจัง และตรงไปตรงมา
รายงานข่าว (6 มี.ค.) กล่าวว่า นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เสนอรายงานการปฏิบัติงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ความยาว 32 หน้า ต่อที่ประชุมสภาสมัชชาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ณ มหาศาลาประชาชน ในเช้าวันพุธ (5 มี.ค.) โดยเกริ่นนำว่าตอนนี้จีนกำลังเผชิญกับความท้ายทายรูปแบบใหม่อย่าง “ขบวนการก่อการร้าย” อันเป็นอุปสรรคที่บรรดานักปกครองรุ่นก่อนหน้าพบเจอน้อยครั้ง
อนึ่ง เหตุรุนแรงครั้งใหญ่ที่สถานีรถไฟนครคุนหมิงในคืนวันเสาร์ (1 มี.ค.) ได้ผลักดันให้นายหลี่ต้องปรับเพิ่มบทใหม่ของรายงานฯ อย่างฉับพลัน ซึ่งไม่ปรากฏในรายงานฉบับที่แจกจ่ายแก่สมาชิกที่ประชุมฯ ทำให้ผู้สังเกตการณ์หลายคนมองว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่ธรรมดาอีกต่อไป
“เราขอกล่าวประณามการก่อเหตุก่อการร้าย ณ สถานีรถไฟนครคุนหมิง ในวันที่ 1 มี.ค. และรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหยื่อผู้บริสุทธิ์ที่จากไป ครอบครัว และผู้บาดเจ็บทุกคน”
“จีนจำต้องต่อกรกับอาชญากรรมก่อการร้ายทุกรูปแบบ ซึ่งดูหมิ่นเกียรติยศแห่งกฎหมายรัฐและท้าทายแก่นอารยธรรมมนุษย์ เพื่อปกป้องความสงบปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจีนทุกคน”
ขณะที่ผู้นำจีนรุ่นใหม่พยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมทซึ่งแปรเปลี่ยนไปในปัจจุบัน บรรดานักวิเคราะห์ต่างกล่าวว่า นายกฯ หลี่มักเลือกใช้การแสดงออกทางภาษาที่เรียบง่ายและพบเห็นได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ดังเช่นเมื่อครั้งพูดถึงความปลอดภัยด้านอาหาร เขาใช้คำว่า “A bite of safety” สัมพันธ์กับชุดรายการโทรทัศน์ยอดนิยมที่นำเสนอประวัติศาสตร์อาหารจีนชื่อ “A Bite of China”
นอกจากนั้นเขายังให้คำมั่น “ประกาศสงคราม” กับปัญหามลพิษ หรือออกรณรงค์ต่อต้านความยากจนอีกด้วย ทั้งนี้ ปัญหามลพิษ โดยเฉพาะฝุ่นพิษขนาดเล็ก หรือ PM2.5 ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจของร่างกายมนุษย์ นับเป็นข้อวิตกใหญ่หลวงประการหนึ่งของสังคมจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลังการเร่งพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมได้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างหนักหน่วง
“เมื่อเปรียบเทียบสไตล์ของหลี่กับอดีตนายกฯ เวินคนก่อน อาจพูดได้ว่าภาษาของหลี่นั้นเป็นที่นิยมมากกว่า ประชาชนสามารถเข้าใจถ้อยคำของเขาได้ง่าย อีกทั้งไปปรากฏบนสื่อประเภทต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง” เจ้า ผิง สมาชิกสภาสมัชชาประชาชนแห่งชาติกล่าว
ก่อนหน้านี้ในยุคที่นายเวิน จยาเป่า ก้าวเข้านั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีจีนในปี 2546 เขาเคยสัญญาว่าจะปรับเปลี่ยนการเติบโตทางเศรษฐกิจอันรวดเร็วจนน่าเป็นห่วงให้มีความมั่นคงและเสถียรภาพมากขึ้น ทว่าเม็ดเงินกว่า 4 ล้านล้านหยวน ที่อดีตนายกฯ เวินใช้แก้ไขวิกฤตการเงินในปี 2551 ก็ได้ทิ้งปมท้าทายในการตัดลดการใช้จ่ายสาธารณะให้กับนายหลี่ ตลอดจนการรักษาภาวะเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่ตั้งเป้าไว้ร้อยละ 7.5 ในปีนี้ ทำให้นายกฯ หลี่ ผู้พ่วงดีกรีปริญญาเอกสาขาเศรษฐศาสตร์ต้องขบคิดแผนนโยบายกระตุ้นการจ้างงานอย่างเพียงพอเพื่อบรรลุเป้าหมายที่วางไว้