เซาท์ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ - ความคืบหน้าล่าสุดของเหตุโจมตีประชาชนในสถานีรถไฟนครคุนหมิงเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนของมณฑลยูนนานเผย กลุ่มคนร้ายลงมือเพราะ “หมดหวัง” หลบหนีออกนอกประเทศไปร่วมลัทธิหัวรุนแรงต่างชาติ
รายงานข่าวอ้างคำกล่าว (5 มี.ค.) ของนายฉิน กวงหรง เจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำมณฑลอวิ๋นหนัน (ยูนนาน) ที่ระบุว่า กลุ่มคนร้ายทั้ง 8 รายที่เข้าไล่ฟันประชาชนผู้บริสุทธิ์ภายในสถานีรถไฟนครคุนหมิงเมื่อคืนวันเสาร์ (1 มี.ค.) ลงมือก่อเหตุด้วย “ความสิ้นหวัง” หลังจากไม่สามารถหลบหนีออกนอกประเทศ เพื่อเดินทางไปเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มหัวรุนแรงต่างชาติได้
นายฉินเสริมว่า กลุ่มคนร้ายได้เดินทางมายังมณฑลอวิ๋นหนัน และเข้าสู่นครก่วงตง (กวางตุ้ง) อันมีพรมแดนติดต่อกับเขตปกครองพิเศษฮ่องกง และพยายามหาทางออกนอกประเทศในเขตเชื่อมต่อระหว่างสองดินแดนดังกล่าว
“พวกเขา (คนร้าย) ทั้ง 8 รายล้วนตั้งใจจะเข้าร่วมกับกลุ่มหัวรุนแรงที่ตั้งตนอยู่ในต่างประเทศ”
“เมื่อไม่สามารถออกไปจากอวิ๋นหนันได้โดยตรงเลยเสาะหาลู่ทางอื่นๆ เช่น ผ่านทางเมืองก่วงตงแทน แต่พวกเขาก็ยังไม่ประสบความสำเร็จอยู่ดี ดังนั้นจึงวกกลับเข้ามายังอวิ๋นหนันอีกครั้ง”
รายงานข่าวเดิมเผยอีกว่า หลังจากกลุ่มคนร้ายล้มเหลวจะหนีออกนอกประเทศทางเมืองหงเหอ ซึ่งมีพรมแดนติดต่อกับประเทศเวียดนาม พวกเขาจึงวางแผนโจมตีพื้นที่ชายแดนหรือสถานีขนส่งมวลชนของคุนหมิงที่ใดที่หนึ่งขึ้นมาแทน
ทั้งนี้ คำกล่าวของเจ้าหน้าที่ฉินยังสอดคล้องกับรายงานก่อนหน้านี้ของสถานีวิทยุเอเชียเสรี (Radio Free Asia: RFA) ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ซึ่งอ้างแหล่งข่าวว่า ผู้ก่อเหตุทั้งหมดเดินทางจากซินเจียงมายังอวิ๋นหนันและพยายามหาทางข้ามไปยังประเทศลาว เพื่อเสาะหาที่กบดานชั่วคราว
แหล่งข่าวของ RFA ระบุอีกว่า คนร้ายทั้งหมดน่าจะเป็นชาวอุยกูร์ที่อยู่ระหว่างหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองโฮทันของซินเจียง ซึ่งอาจเคยล้มเลิกความพยายามหนีออกนอกประเทศหลังชาวอุยกูร์อีกกลุ่มหนึ่งราว 30 คน ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมบริเวณชายแดนในเดือน ก.ย. ปีก่อน
นอกจากนั้น RFA ยังได้อ้างคำสัมภาษณ์ชาวอุยกูร์ผู้หนึ่งในนครคุนหมิงที่บอกว่า กลุ่มคนร้ายอาจตัดสินใจก่อเหตุสังหารหมู่ผู้บริสุทธิ์เพื่อล้างแค้นให้กับการตายของชาวอุยกูร์คนอื่นๆ ในซินเจียง
“ดูเหมือนพวกเขาต้องการตอบโต้เจ้าหน้าที่ทางการจีนที่วิสามัญฯ ชาวอุยกูร์ร่วมสิบรายในซินเจียงเมื่อปีก่อน” ผู้ให้สัมภาษณ์กล่าว
“พวกเขาคงอยากส่งข้อความถึงรัฐบาลจีนว่า ‘เราก็ทำบางสิ่งบางอย่างได้เหมือนกัน’”
อย่างไรก็ดี เหตุรุนแรงครั้งใหญ่ซึ่งสื่อทางการจีนขนานนามว่าเป็น “เหตุ 9/11 ของจีน” ได้สร้างความตื่นตะลึงและหวาดกลัวไปทั่วสังคมแดนมังกร จนนำไปสู่การวางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดกวดขันในทุกพื้นที่เสี่ยงทั่วประเทศ
ขณะที่กระทรวงพิทักษ์สันติราษฎร์จีนแถลงว่าสามารถจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยเป็นคนร้ายได้อีก 3 ราย ในวันจันทร์ (3 มี.ค.) หลังจากเจ้าหน้าที่ทำการวิสามัญฯ คนร้าย 4 ราย และควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเป็นคนร้ายหญิงซึ่งได้รับบาดเจ็บระหว่างการปะทะไว้ได้ 1 รายในวันเกิดเหตุฯ
ด้านรัฐบาลจีนและรัฐบาลสหรัฐฯ ต่างระบุตรงกันว่าเหตุความไม่สงบดังกล่าวที่มีพลเรือนเสียชีวิต 29 ราย และบาดเจ็บ 143 คน เป็นเหตุการณ์ “ก่อการร้าย” อย่างเต็มรูปแบบ โดยทางการจีนชี้ว่าเป็นฝีมือของขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่แอบแฝงตัวอยู่ในเขตปกครองตนเองซินเจียง ชนชาติอุยกูร์ ทางตะวันตกไกลของประเทศ