เอเจนซี--กลุ่มสื่อจีนรายงาน แม้เหตุการณ์ได้ผ่านเลยไป 2-3 วัน เรื่องราวช็อกสังคม “นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คลอดลูกในห้องน้ำเสร็จปุ๊บ ก็เดินเข้าห้องเรียนดั่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ยังเป็นประเด็นพูดคุยเซ็งแซ่ในวิทยาลัยเทคโนโลยีการเกษตรประจำเขตเจียวหลิง นครคุนหมิง มณฑลอวิ๋นหนัน (หรือยูนนาน)
เหตุเกิดเมื่อตอนเช้าตรู่ราว 6 โมงเช้าของวันอังคาร(17 ธ.ค.) ที่ผ่านมา ท่ามกลางอากาศหนาวยะเยือก นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ได้คลอดลูกในห้องน้ำของหอพักนักศึกษาหญิง เสร็จก็เดินเข้าห้องเรียนทันที โดยทิ้งทารกตัวเปล่าล่อนจ้อนนอนหนาวอยู่ในห้องน้ำ นักศึกษาหญิงคนหนึ่งที่มาเข้าห้องน้ำได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ จึงได้รายงานแก่อาจารย์ที่ปรึกษาประจำหอพัก
อาจารย์รีบเข้ามาดูก็พบทารกเพศชาย จากนั้นได้เอาผ้าห่มมาห่อตัว อุ้มเด็กวิ่งไปยังห้องที่มีเครื่องทำความร้อน เพื่อให้เด็กอุ่นขึ้น รถพยาบาลฉุกเฉินได้เข้ามารับทารกน้อยที่หน้าประตูหอพัก ราว 7 โมงเช้า พาเด็กไปยังโรงพยาบาลประจำนครคุนหมิง
บ่ายวันเดียวกัน อาจารย์ก็สืบค้น พบเด็กนักศึกษาผู้เป็นแม่ และได้นำตัวส่งไปยังโรงพยาบาล ทั้งนี้ นักศึกษาหญิงผู้นี้ ได้เข้าศึกษาที่วิทยาลัยเทคโนโลยีการเกษตรประจำเขตเจียวหลิง เมื่อปี 2013 นี้ ดังนั้น เธอน่าจะตั้งครรภ์ก่อนเข้าศึกษาในวิทยาลัยฯ
หลังเกิดเหตุฯ ผู้คนในวิทยาลัยพูดคุยกันว่า ทำไมไม่มีใครสังเกตเห็นเพื่อนนักศึกษาท้องแก่ผู้นี้ เพื่อนที่ใกล้ชิดบอกว่านักศึกษาผู้นี้ดูอ้วน แต่ท้องไม่ใหญ่นูนออกมามาก แม้มีคนสงสัย แต่ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าเธอตั้งครรภ์ กระทั่งเกิดเหตุฯ อาจารย์ได้ตามหาตัวแม่ในห้องเรียนแต่ละห้อง จนพบตัว ทุกคนตกใจมาก เมื่อรู้ว่าที่แท้เพื่อนนักศึกษาผู้นี้ตั้งครรภ์
ด้านแพทย์ประจำโรงพยาบาลที่รับตัวเด็กทารกไปดูแลตรวจสุขภาพ เผยว่าขณะนี้สัญญาณชีวิตเด็กดีกว่าก่อนมาถึงโรงพยาบาล การเต้นของหัวใจและอุณหภูมิร่างกายดีขึ้น ตอนมาถึงโรงพยาบาลเด็กมีเลือดออกในลำไส้ เนื่องจากโดนอากาศหนาวเย็นมากและขาดออกซิเจน ขณะนี้แพทย์ได้รักษาจนอาการดีเป็นปกติแล้ว ส่วนการตรวจหาว่ามีกระดูกแตกหักหรือไม่ ต้องรอให้เด็กแข็งแรงขึ้นกว่านี้จึงสามารถเอ็กซเรย์ได้
แพทย์กล่าวว่าหากไม่มีพ่อแม่มารับ ก็ต้องส่งเด็กทารกไปยังสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า
ผู้เชี่ยวชาญวอนรัฐให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาแก่เด็กๆ
หลังเกิดเหตุนักศึกษาคลอดลูกในห้องน้ำฯนี้ เจ้าหน้าที่ของศูนย์ช่วยเหลือเด็กที่ตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจ ได้ออกมาเผยว่าในสองปีมานี้ เกิดกรณีคลอดลูกแล้วทิ้งจำนวนไม่น้อยเลย เหตุเพราะเพศศึกษาในกลุ่มเด็กวัยรุ่นล้าหลังมาก อีกด้านหนึ่งเพราะเด็กวัยรุ่นไม่มีความตระหนักเรื่องการป้องกัน หากไม่มีมาตรการแก้ไขปัญหา ก็จะเกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้อีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า “การเปิดชั้นเรียนเพศศึกษาในเด็กระดับประถมและมัธยม ยังไม่เพียงพอ โรงเรียน พ่อแม่ผู้ปกครอง และสังคม ก็ต้องช่วยกันดูแล”
