xs
xsm
sm
md
lg

ยูบีเอส คาดปีนี้ จีดีพีจีนโต 7.8% ดอยซ์แบงก์ ให้ 8.6% แม้การเมืองอาเซียนผันผวน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซี - สถาบันการเงินต่างประเทศ คาดเศรษฐกิจปีนี้ดีขึ้น ด้วยอานิสงค์จากเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และอียูได้ฟื้นตัวขึ้น ยูบีเอส คาดปีนี้ จีดีพีจีนโต 7.8% ดอยซ์แบงก์ ให้ 8.6% แม้การเมืองอาเซียนผันผวน

สื่อจีนรายงาน (14 ม.ค.) อ้างการคาดการณ์เศรษฐกิจของ ยูบีเอส ซิเคียวริตี้ส์ ที่ระบุว่า อัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนในปี 2557 จะอยู่ที่ร้อยละ 7.8 โดย นายหวัง เถา หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากยูบีเอส กล่าวว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯ และอียูได้ฟื้นตัวขึ้น และจะส่งผลต่อการส่งออกให้มีแนวโน้มขยายตัวเร็วขึ้นในปี 2557 และทำให้การส่งออกสุทธิ ช่วยหนุนอัตราขยายตัวของจีดีพีขึ้นอีกร้อยละ 0.2

อย่างไรก็ตาม นายหวัง กล่าวว่า ในด้านการลงทุนฯ นั้น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ชะลอตัวลง จะฉุดรั้งอัตราขยายตัวของการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ขณะที่อุปสงค์ในประเทศจะยังทรงตัว แต่คาดว่าการบริโภคจะฟื้นตัวขึ้น และว่าการส่งเสริมการปฏิรูปต่างๆ พร้อมประคองอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจให้คงที่ คือจุดประสงค์เบื้องต้นของนโยบายเศรษฐกิจมหภาคของจีนในปีนี้ โดยรัฐบาลจะปรับลดอัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ในเศรษฐกิจทั้งหมด

ทั้งนี้ ยูบีเอสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะรักษาสภาพคล่องในตลาดอย่างสมดุล พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินที่ระดับค่อนข้างสูง เพื่อรักษาแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อให้มีเสถียรภาพ

ด้านนายหม่า จุน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารดอยช์แบงก์ ประจำภูมิภาคฯ กล่าวสอดคล้องกับความเห็นของ ยูบีเอส ว่า ในปีนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรปจะขยายตัวมากกว่าปีก่อน ทำให้อุปสงค์จากภายนอกปรับตัวดีขึ้น ทำให้การส่งออกของจีนในปีนี้ขยายตัวดี และคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวประมาณร้อยละ 8.6 ในปีนี้ อันเป็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

นายหม่า ระบุว่า ภาคอุตสาหกรรมที่เคยมีกำลังผลิตส่วนเกิน อาทิ เซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ ปูนซีเมนต์ และการต่อเรือนั้น จะมีอุปสงค์-อุปทาน สมดุลดีขึ้น เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมที่อุปทานต่ำ อาทิ การแพทย์ ทางรถไฟ พลังงานสีเขียว และการปกป้องสิ่งแวดล้อม จะเปิดโอกาสให้เอกชนจะเข้ามาลงทุนมากขึ้น ตามนโยบายปฏิรูป

ทั้งนี้ นายหม่าได้ระบุถึงปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ ที่เศรษฐกิจจีนจะเผชิญในปีนี้ อันได้แก่ผลกระทบจากการยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐ และภาวะราคาอสังหาริมทรัพย์ ที่อาจทำให้รัฐบาลนำมาตรการควบคุมตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างเข้มงวดมาใช้ รวมทั้งความไม่แน่นอนจากความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในอัตราดอกเบี้ย เช่นเดียวกับ คือความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในภูมิภาคอาเซียน


กำลังโหลดความคิดเห็น